เปิด 5 เทรนด์ธุรกิจโลกที่น่าจับตา ใครรุ่งใครร่วงในปี 67 ต้องดู!

เปิด 5 เทรนด์ธุรกิจโลกที่น่าจับตา ใครรุ่งใครร่วงในปี 67 ต้องดู!

ไฟแนนเชียลไทม์ส สรุปเทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2567 ใครรุ่งใครร่วง พร้อมระบุถึงบุคคลสำคัญในวงการต่าง ๆ ที่ต้องเฝ้าดูการเคลื่อนไหวอย่างห้ามละสายตา !

Key Points:

  • เทรนด์ในปี 2567 จะมุ่งไปที่การทดสอบเอไอว่าสามารถใช้เป็นวงกว้างได้หรือไม่
  • หากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์จีนแตกหรือมีความขัดแย้งกับชาติตะวันมากขึ้น อุตสาหกรรมแบรนด์หรูอาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก
  • โดรนราคาต่ำกลายเป็นอาวุธสำคัญในสนามรบยูเครน ตอกย้ำบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีอัตโนมัติใหม่ ในการทำสงครามสมัยใหม่
  • แม้มีการปรับลดการผลิตแต่ราคาน้ำมันยังคงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากผลผลิตนอกกลุ่มโอเปคพลัสคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2567
  • การยอมรับกลุ่มหุ้นนอกตลาดในตลาดหุ้น หนุนหุ้นบริษัทเติบโตสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และอาจดึงดูดบริษัททุนอื่น ๆ เข้าตลาดหุ้นไปด้วย

ในปี 2566 แชตบอตปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) บูมสุดในตลาดเทคโนโลยี ขณะที่สงครามหนุนการใช้อาวุธที่ผสานเทคโนโลยีเติบโตมากขึ้น ด้านแบรนด์ลักซ์ชัวรีประสบปัญหายอดขายซบ ส่วนภาคพลังงานยังคงปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสีเขียวได้ช้า 

ปีนี้เราจะต้องจับตาดูว่า เทรนด์ธุรกิจอะไรบ้างที่มาแรงอีก และมีแนวโน้มเป็นอย่างไรต่อไป ไฟแนนเชียลไทม์ส สรุปเทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2567 พร้อมระบุถึงบุคคลสำคัญในวงการต่าง ๆ ที่ต้องเฝ้าดูการเคลื่อนไหวอย่างห้ามละสายตาไว้ดังนี้ 

  • 1.‘เอไอ’ เทคโนโลยีที่หลายคนยังกังวล

หลังจากเทรนด์แข่งขันสร้างระบบเอไอรู้สร้าง (generative AI) ที่สามารถเลียนแบบการสร้างข้อความและรูปภาพได้ เทรนด์ในปี 2567 จะมุ่งไปที่การทดสอบเอไอว่าสามารถใช้เป็นวงกว้างได้หรือไม่ เนื่องจากระบบประมวลผลเอไอยังสร้างข้อมูลหรือผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน และหลายบริษัทยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นสำรวจการใช้เอไอเพื่อให้แรงงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แต่การปรับใช้เอไอรู้สร้างที่ล่าช้าในปี 2567 อาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงให้กับตลาดหุ้นของเหล่าบริษัทเทคโนโลยี

 

 

ความเสี่ยง

หลังกูเกิลถูกสอบสวนเกี่ยวกับการผูกขาดตลาด บริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายแห่งต่างเผชิญกับบทลงโทษจากการต่อต้านการผูกขาดอยู่บ้าง นอกเหนือจากการบทลงโทษทางการเงินที่บริษัทสามารถจ่ายได้อย่างสบายใจอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ในปี 2567 เมื่อศาลในสหรัฐตัดสินคดีผูกคาดของกูเกิล อาจเปิดทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัทตามคำสั่งศาลหรือแนวทางดำเนินธุรกิจต่าง ๆ

ขณะเดียวกันสหภาพยุโรป (อียู) อาจดำเนินการบังคับใช้กฎหมายดิจิทัลฉบับใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อทลายอำนาจบริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดสำคัญของการดำเนินธุรกิจดิจิทัล และนำไปสู่บริการดิจิทัลทางเลือกที่มีมากขึ้น

บุคคลที่ต้องจับตา

การปลดแซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) โอเพนเอไอจะเป็นที่น่าสนใจในปี 2567 มากกว่าปีก่อน เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทสร้างความตึงเครียดที่น่าอึดอัดกลับมาสู่หัวใจของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

แต่การกลับมากุมบังเหียนของอัลท์แมนเหมือนเป็นการกลับมาแก้ตัวอย่างสมศักดิ์ศรี แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาของอัลท์แมนยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการบริหาร ความท้าทายคืออัลท์แมนต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นจริงจังด้านความปลอดภัย โดยไม่ละทิ้งการแข่งขันด้านเอไอ

ธุรกิจที่ใช้เอไออาจมาเหนือ

บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกที่ครองตำแหน่งมานานกว่า 10 ปี อย่างแอปเปิ้ล อาจถึงจุดจบในปีนี้ เนื่องจากการปรับใช้เอไอที่ล่าช้า ขณะที่แว่นวีอาร์ Vision Pro อาจจำหน่ายได้ไม่มากในปีนี้

ในทางกลับกัน ไมโครซอฟท์ที่มีมูลค่าบริษัทน้อยกว่าแอปเปิ้ล 9% กำลังปรับตัวไปตามกระแสเอไอรู้สร้าง และถ้าเอไอหนุนยอดขายซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น และส่งเสริมแพลตฟอร์มประมวลผลในคลาวด์ Azure ไมโครซอฟท์อาจทะยานสู่บริษัทที่ครอบครองส่วนแบ่งตลาดเทคโนโลยีส่วนใหญ่ได้

 

  • 2.แบรนด์ลักซ์ชัวรีขาขึ้น

อุตสาหกรรมแบรนด์ลักซ์ชัวรีสูญรายได้ไปบางส่วนเมื่อปีก่อน แต่อุตสาหกรรมยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ อานิสงส์จากลูกค้าที่มีฐานะ แต่รายได้บางส่วนลดลง โดยเฉพาะในสหรัฐ ประเทศผู้บริโภครายได้ปานกลางรัดเข็มขัดมากขึ้น

ในปี 2567 นักวิเคราะห์จาก Bain คาดว่า อุตสาหกรรมอาจเติบโตเฉลี่ย 4-6% และแบรนด์หรูที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างแอร์เมส, หลุยส์วิตตอง และแชแนล จะเติบโตมากขึ้น แต่คู่แข่งรายเล็กจะประสบความยากลำบาก 

ความเสี่ยง

แม้มาตรการล็อกดาวน์โควิดที่เข้มงวดของจีนฉุดยอดขายแบรนด์หรู และการฟื้นตัวของกำลังซื้อจีนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่อุตสาหกรรมยังคงมองว่าจีนเป็นตลาดที่สามารถขับเคลื่อนการเติบโตได้

เบน บริษัทที่ปรึกษาคาดว่า ผู้ซื้อชาวจีนจะมีสัดส่วนราว 40% ของลาดสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลกมูลค่า 540,000-580,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573

หากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์จีนแตกหรือมีความขัดแย้งกับชาติตะวันมากขึ้น อุตสาหกรรมแบรนด์หรูอาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก และสหรัฐอาจเป็นตลาดลูกค้ารายใหญ่ที่สุดสำหรับแบรนด์ลักซ์ชัวรี 

บุคคลที่น่าจับตา

เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ซีอีโอ LVMH ที่ครอบคลุมแบรนด์หรูประมาณ 75 แบรนด์ เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอุตสาหกรรมและเป็นมาตรฐานทองคำในอุตสาหกรรมนี้

เบอร์นาร์ดสามารถหนุนหลุยส์วิตตองสู่บริษัทที่มีรายได้ 2 หมื่นล้านยูโร ในปี 2567 จึงต้องจับตาว่าอาร์โนลต์จะขับเคลื่อนอะไรต่อไป

ผู้สืบทอดริชมอนต์กรุ๊ป

มีข่าวลือมานานว่า LVMH หรือ Kering พยายามซื้อบริษัทคู่แข่งอย่าง ริชมอนต์ เครือธุรกิจแบรนด์หรูสัญชาติสวิส เช่น แบรนด์เครื่องประดับคาร์เทียร์ สิ่งที่น่าจับตาคือ โจฮันน์ รูเพิร์ต ซีอีโอและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ยอมขายบริษัท และยังไม่เลือกผู้สืบทอดตำแหน่ง จึงเป็นที่น่าจับตาว่าเครือแบรนด์หรูแห่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

  • 3.กลาโหมต้องปรับใช้เทคฯช่วย

โดรนราคาต่ำกลายเป็นอาวุธสำคัญในสนามรบยูเครน ตอกย้ำบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีอัตโนมัติใหม่ ในการทำสงครามสมัยใหม่

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มีผลต่อหน่วยงานกลาโหมของรัฐบาลที่ต้องปรับปรุงกลยุทธ์จัดซื้อจัดจ้างโดยการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ ตั้งแต่รถถังและเรือ ไปจนถึงการลงทุนในระบบที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น อาทิ หุ่นยนต์และเซ็นเซอร์ที่ควบคุมโดยเอไอ

ในอุตสาหกรรมนี้ ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ครองตลาดมานานต้องเร่งปรับตัวให้ทันความก้าวหน้าของผู้เล่นรายเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และในปีต่อ ๆ ไปจะเป็นการทดสอบสิ่งใหม่ ๆ และรัฐบาลจะมองข้ามซัพพลายเออร์ดั้งเดิมมากขึ้น

ความเสี่ยง

การใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้น 3.7% ในปี 2565 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,240 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากสงครามในยูเครนและเอเชียตะวันออก

คำมั่นสัญญาเพิ่มงบประมาณกลาโหมหนุนราคาหุ้นบริษัทอาวุธต่าง ๆ และยอดสั่งอาวุธที่ค้างสต็อกก็เพิ่มขึ้น แต่มีความเสี่ยงที่กลาโหมอาจไม่ได้รับงบบางส่วนเพราะต้องให้ความสำคัญกับงบอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ในยุโรปที่สงครามยูเครนผลักดันให้รัฐบาลต่าง ๆ ดำเนินการรักษามหาอำนาจทางทหารระดับโลกในภูมิภาค แต่ยังมีความท้าทายอีกหลายอย่าง อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างอาวุธจากสหรัฐ การกำหนดนโยบายที่กระจัดกระจาย เป็นต้น

บุคคลที่น่าจับตา

ไบรอน คัลลัน จากกลุ่มวิจัยแคปิตอล อัลฟา พาร์ตเนอร์สคาดว่าถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี ในเดือน พ.ย. 2567 อาจสร้างความปั่นป่วนต่อแนวทางทางกลาโหมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยุโรปอาจเผชิญกัความกดดันด้านงบจัดหาอาวุธให้ยูเครน หากสหรัฐถอนการสนับสนุน

ขณะที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในซิลิคอน วัลเลย์ ที่สนับสนุนสตาร์ตอัปหลายแห่ง ต่างพยายามมีบทบาทมากขึ้นในโครงการจัดซื้ออาวุธของกระทรวงกลาโหม และอาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาวุธ หากบริษัทหนึ่งในนั้นได้สัญญาใหญ่จากเพนตากอน

  • 4.ชะตาตลาดพลังงาน

ตามข้อมูลของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ระบุ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรโอเปคพลัสลดการผลิตตลอดทั้งปี 2566 เพื่อพยายามขึ้นราคาน้ำมัน สหรัฐกลับผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของโอเปคพลัสลดลงเหลือ 51% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรเพิ่มขึ้นในปี 2559

แม้มีการปรับลดการผลิตแต่ราคาน้ำมันยังคงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากผลผลิตนอกกลุ่มโอเปคพลัสคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2567 จึงเกิดคำถามว่า ซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรจะรักษาส่วนแบ่งตลาดได้นานเพียงใด

ความเสี่ยง

เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงทำให้ต้นทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนในปี 2566 แพงขึ้น ขัดขวางความพยายามเปลี่ยนผ่านพลังงานของโลก หากอัตราดอกเบี้ยยังสูง ตามที่บางประเทศคาดไว้ โครงการพลังงานสะอาดอาจได้รับผลกระทบ

บุคคลที่น่าจับตา

เมอร์เรย์ ออชินลอส ซีอีโอรักษาการณ์ของบริษัทบีพีเป็นที่ชื่อชอบของนักลงทุน และพนักงานในปัจจุบันและอดีตมองว่าเขาเป็นผู้นำของบีพี อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังพิจารณารับสมัครซีอีโอจากนอกบริษัทเป็นครั้งแรก แต่ไม่ว่าจะได้ซีอีโอจากภายในหรือภายนอก บริษัทยังคงบ่งบอกได้ว่าจะสนับสนุนแผนเปลี่ยนของผ่านพลังงานสีเขียวของอดีตซีอีโอเบอร์นาร์ด ลูนีย์

บิ๊กน้ำมันรวมกิจการ?

ในปี 2566 บริษัทน้ำมันรายใหญ่ในสหรัฐแห่เข้าซื้อกิจการกับคู่แข่งรายเล็กกว่า อาทิ ExxonMobil, Chevron และ Occidental รวมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ นำไปสู่คาดการณ์การควบรวมกิจการบริษัทน้ำมันในยุโรป โดยเฉพาะประเด็นเชลล์จะซื้อบีพีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม วีล ซาวาน ซีอีโอเชลล์ ยืนยัน การควบรวมกิจการไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้จนถึงปี 2568 จึงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ทั่วโลกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในปีนี้

  • 5.กลุ่มหุ้นนอกตลาดเข้า IPO

กลุ่มหุ้นเอกชน เช่น แบล็กสโตนได้เสนอเงินทุนมากมายเพื่อเป็นแนวทางในการเอาชนะตลาด แต่เมื่อเดือน ก.ย. บริษัทกลายเป็นกลุ่มหุ้นนอกตลาดรายแรกที่เข้าไปรวมอยู่ในดัชนี S&P500 และคู่แข่งอย่าง Apollo Global และ KKR อาจตามไปติดๆ

การยอมรับกลุ่มหุ้นนอกตลาดในตลาดหุ้น หนุนหุ้นบริษัทเติบโตสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และอาจดึงดูดบริษัททุนอื่น ๆ ทั้ง CVC Capital, General Atlantic และ L Catterton เข้าตลาดหุ้นไปด้วย ซึ่ง CVC อาจเป็นรายแรกที่เข้าตลาดหุ้นในปีนี้ และถ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อาจกระตุ้นการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนมาก

ความเสี่ยง

เงินที่หลั่งไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมอยู่ในรูปแบบของเบี้ยประกันจากผู้ออมที่หารายได้หลังเกษียณ มากกว่าเป็นนักลงทุนที่สถาบันแบบดั้งเดิมที่ต้องการหาเงินทุนเพื่อซื้อกิจการขององค์กร จึงทำให้หน่วยงานกำกับดูแลกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มนี้

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุ ทรัพย์สินประกันชีวิตของสหรัฐเกือบ 10% หรือราว 850,000 ล้านดอลลาร์ บริหารจัดการโดยธุรกิจหุ้นนอกตลาดภายในสิ้นปี 2564 ส่งผลให้สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำที่ถือโดยบริษัทประกันเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นอันตรายต่อภาคการเงินในวงกว้างและเศรษฐกิจที่แท้จริง และการสอบสวนกรณีดังกล่าวอาจมีมากขึ้น

บุคคลที่ต้องจับตา

ฮาร์วีย์ ชวาร์ตซ์ อดีตซีอีโอโกลด์แมน แซคส์ ที่เข้ากุมบังเหียนคาร์ไลล์ กรุ๊ปเมื่อเดือนก.พ. 2566 เผชิญกับงานหินอย่างไร้ความปราณี เมื่อผู้ร่มก่อตั้งมหาเศรษฐี 3 คน ที่บุกเบิกบริษัทลงทุน มีแผนสืบทอดตำแหน่งที่ล้มเหลว ผลตอบแทนพอใช้ และเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ระดมทุนยาก

ชวาร์ตซ์ จึงเข้ามาฟื้นความสัมพันธ์นักลงทุนที่เป็นสถาบัน ปรับโครงสร้างดำเนินงาน เพื่อปรับปรุงอัตรากำไรและการเติบโต

บริษัททุนเล็งรวมกิจการ

เหล่าผู้บริหารหุ้นนอกตลาด ยืนกรานว่า อุตสาหกรรมเข้าสู่ช่วงควบรวมกิจการ โดยผู้เล่นรายใหญ่จะซื้อผู้เล่นรายเล็กไว้ แต่อาจมีคลื่นทำข้อตกลงลูกใหม่ คือ บริษัทประกันภัย เช่น Prudential, MetLife และ Allianz อาจเจาะเข้าตลาดทางเลือก โดยการเป็นพันธมิตรด้านการลงทุนกับกลุ่มทุนเอกชนขนาดใหญ่ หรือโดยการซื้อกิจการทันที