เศรษฐกิจเวียดนามโตแกร่ง ส่งออกฟื้นตัว

เศรษฐกิจเวียดนามโตแกร่ง ส่งออกฟื้นตัว

เศรษฐกิจเวียดนามปี 2566 ทำได้ดีเกินคาด มีสัญญาการฟื้นตัวเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคกลับมาแล้ว การส่งออกฟื้น และการลงทุนพุ่ง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เวียดนาม เพิ่มขึ้น 5.05% จากปีก่อนหน้าหลังจากเพิ่มขึ้น 8.02% ในปี 2565 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของบลูมเบิร์กคาดว่าทั้งปีโต4.7%

ขณะที่รัฐบาลประเมินไว้ที่ 5% โดยไตรมาสสุดท้ายเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 6.72%

กล่าวได้ว่า ขณะนี้เวียดนาม ที่มูลค่าการส่งออกเกือบเท่าขนาดของจีดีพีกำลังฟื้นตัวจากความต้องการของโลกอยู่ในขาลงสาเหตุจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ด้านตลาดหุ้นก็ไปได้สวย ดัชนีวีเอ็นเพิ่มขึ้นมากถึง 0.5% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.

รูชีร์ เดไซ ผู้จัดการกองทุนร่วมจากAFC Asia Frontier Fund กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า จีดีพีไตรมาสสี่ “ชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเป็นขาขึ้น และเป็นสัญญาณดีเข้าสู่ปี 2567 ตัวเลขการเติบโตของจีดีพีที่ 6-6.5% ในปี 2567 สำหรับเวียดนามจะเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่จะได้เห็นรายได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่ยังจำเป็นต้องจับตาดูการเติบโตของการส่งออกในอนาคต”

ทั้งนี้ การส่งออกที่เบาบางลงเกือบตลอดทั้งปี ผสมโรงกับภาคอสังหาริมทรัพย์สะดุด บั่นทอนเวียดนามจากประเทศเศรษฐกิจโตเร็วที่สุดของเอเชีย มาเป็นเติบโตปานกลางในปีนี้

แต่ไม่มีใครมองข้ามการเติบโตในระยะยาว เดือนนี้ฟิตช์เรตติ้งส์ยกระดับความน่าเชื่อถือชี้ให้เห็นศักยภาพของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะปานกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ผลสำรวจบลูมเบิร์กคาดว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะกลับไปโต 6% ได้ในปีหน้า และเติบโตสูงสุดในเอเชียภายในปี 2568

นอกจากนี้ เวียดนาม ซึ่งเป็นภาคีข้อตกลงการค้าพหุภาคีหลายฉบับ ส่อเค้าได้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับคู่ค้ารายใหญ่สุดอย่างจีนในปีนี้ รวมถึงความสัมพันธ์กับสหรัฐ ตลาดส่งออกใหญ่สุดด้วย

การส่งออกเติบโตรายไตรมาสครั้งแรกในรอบห้าไตรมาส ยอดค้าปลีกแกร่งในไตรมาสสี่แสดงว่า ความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศกำลังกลับมา

ราคาผู้บริโภคเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.58% จากปี 2565 ต่ำกว่า 3.8% ที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้

สินเชื่อในระบบธนาคารนับถึงวันที่ 21 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.09% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565

นั่นคือข่าวดีสำหรับรัฐบาลเวียดนามที่เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ เรียกร้องให้ธนาคารปล่อยกู้ยืดหยุ่นขึ้น ทั้งยังกระตุ้นให้กระทรวงและรัฐบาลระดับจังหวัดเร่งเบิกจ่ายการลงทุนภาครัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทำให้จีดีพีเติบโตเป็น 6% ถึง 6.5% ในปี 2567