ค่าระวางเรือพุ่งเกือบ 10 เท่า แตะ 1 หมื่นดอลลาร์ เซ่นพิษวิกฤติทะเลแดง

ค่าระวางเรือพุ่งเกือบ 10 เท่า แตะ 1 หมื่นดอลลาร์ เซ่นพิษวิกฤติทะเลแดง

ค่าระวางเรือผ่าน "ทะเลแดง" พุ่งจากสัปดาห์ที่แล้วเกือบ 10 เท่า แตะ 1 หมื่นดอลลาร์แล้ว เซ่นพิษวิกฤติเหตุโจมตีในทะเลแดง ทำให้กลุ่มผู้จัดการด้านโลจิสติกส์ต้องจ่ายค่าระวางเรือในอัตราดังกล่าว สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุตที่เดินทางจากนครเซี่ยงไฮ้ของจีนไปยังอังกฤษ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า กลุ่มผู้จัดการด้านโลจิสติกส์ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาสองด้านทั้งค่าขนส่งทางทะเลและทางอากาศที่สูงขึ้น และปัญหาสินค้าคั่งค้าง หลังจากกลุ่มบริษัทเดินเรือยังคงหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางขนส่งในทะเลแดง เนื่องจากเสี่ยงที่จะถูกกลุ่มกบฏฮูตีโจมตี เช่น บริษัทเมอส์ก โดยปัญหาทั้งสองด้านนี้เสี่ยงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก หลังห่วงโซ่อุปทานโลกเพิ่งฟื้นตัวขึ้นจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและความล่าช้าจากผลพวงของโรคโควิด-19 ระบาด

ทั้งนี้ อัตราค่าระวางเรือพุ่งทะยานขึ้นในวันพฤหัสบดี (21 ธ.ค.) หลังมีเรือขนส่งสินค้าตัดสินใจเลี่ยงใช้เส้นทางในทะเลแดงเพิ่มมากขึ้น โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า กลุ่มผู้จัดการด้านโลจิสติกส์เผชิญกับอัตราค่าระวางเรือ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุตที่เดินทางจากนครเซี่ยงไฮ้ของจีนไปยังอังกฤษ

ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน อัตราค่าระวางเรืออยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต และ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต ส่วนอัตราค่าขนส่งผ่านรถบรรทุกในภูมิภาคตะวันออกกลางในปัจจุบันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวแล้ว

นายอลัน แบร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโอแอล ยูเอสเอ (OL USA) บริษัทจัดการด้านโลจิสติกส์ของสหรัฐให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า บริษัทเดินเรือจำเป็นต้องชี้แจงรายละเอียดเพื่อให้กลุ่มผู้นำเข้าและส่งออก ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของประเทศต่าง ๆ เข้าใจถึงปัจจัยโดยรวมที่ทำให้ราคาค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว ขณะที่บริษัทเดินเรือพยายามชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ

"ผลกระทบจากโรคโควิด-19 ระบาดที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานโลกทำให้ค่าขนส่งปรับตัวขึ้นช้ากว่านี้ แต่เวลานี้เรือเพียงแค่เปลี่ยนเส้นทาง แต่การขนส่งสินค้าในบางเส้นทางกลับคิดราคาแพงขึ้น 100%-300% ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านอุปทานและอุปสงค์ทั้งหมด" นายแบร์กล่าว

รายงานระบุว่า เรือจำนวน 158 ลำที่เปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นแทนเส้นทางในทะเลแดงนั้นบรรทุกสินค้ามูลค่ารวม 1.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทคูห์เนพลัสเนเกิล (Kuehne+Nagel) ระบุว่า ณ ช่วงเช้าวานนี้ เรือ 158 ลำที่ปัจจุบันเลี่ยงใช้เส้นทางทะเลแดงนั้นบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จำนวนกว่า 2.1 ล้านตู้ โดยเอ็มดีเอส ทรานส์โมดัล (MDS Transmodal) ประเมินว่า มูลค่าสินค้าเหล่านี้อยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ ทำให้มูลค่าสินค้ารวมอยู่ที่ 1.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ