'SCG' สยายปีกลงทุนซาอุฯ ชู'โซลูชั่นซัพพลายเชน'ครบวงจร

'SCG' สยายปีกลงทุนซาอุฯ ชู'โซลูชั่นซัพพลายเชน'ครบวงจร

SCG สยายปีกลงทุนซาอุฯชู'โซลูชั่นซัพพลายเชน'ครบวงจร เน้นเจาะเมกะโปรเจ็กต์ ตอ.กลาง ตอกย้ำการเป็น “ผู้นำพันธมิตรการค้าครบวงจรระดับโลก”

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล (SCG International) ประกาศตั้งสำนักงานในซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ ชู 3 กลยุทธ์สยายปีกบุกริยาดตอกย้ำการเป็น “ผู้นำพันธมิตรการค้าครบวงจรระดับโลก” พร้อมเป็น Global Connector เชื่อมต่อกับคู่ค้าจากทั่วทุกมุมโลกรับตลาดที่จะเป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต โดยนำร่องเปิดตัวในงาน Thailand Mega Fair & Festival 2023

นายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ เตรียมเปิดสำนักงานใหม่ ณ กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียเพื่อการขยายโอกาสทางธุรกิจ โดยเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ถือเป็นบริษัทจากไทยอันดับต้นๆ ที่ไปตั้งสาขาที่ซาอุฯ เนื่องจากมองเห็นแนวทางการสร้างโอกาสการลงทุนธุรกิจใหม่ในตลาดซาอุฯ และอินเดีย จากอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก

นอกจากซาอุฯ จะเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคและมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางแล้ว นโยบาย “Saudi Vision 2030” ยังทำให้เกิดการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาน้ำมัน กระตุ้นการลงทุนภาค อุตสาหกรรม ตลอดจนการก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่มากมายในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการเปิดประตูทางการค้าและการลงทุนอย่างเปิดกว้างกับนานาประเทศ ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ของเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ที่ตั้งเป้าจะขยายตลาดใหม่ไปสู่ภูมิภาค SAMEA (เอเซียใต้ ตะวันออกกลางและแอพริกา)

ทั้งนี้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การบริหารจัดการซัพพลายเชนที่ครบวงจรและมีความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นกลยุทธ์สำคัญในการบุกตลาดซาอุฯ ครั้งนี้ คือ

1. “ธุรกิจซัพพลายเชน” ที่พร้อมช่วยบริหารจัดการเรื่องซัพพลายเชนให้พาร์ทเนอร์ ได้อย่างครบวงจรผ่านการผลักดันเครือข่ายธุรกิจของเครือเอสซีจีทั้งหมด ครอบคลุมทั้งธุรกิจก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างอาคาร กระดาษ & แพคเกจจิ้ง ตลอดจนวัตถุดิบและชิ้นส่วนอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีแผนที่จะขนส่งสินค้าจากซาอุฯ ส่งกระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก และเป็นผู้จัดหาสินค้าจากทวีปอื่นๆ เข้ามายังซาอุฯ เช่นกัน

2. “การสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทคู่ค้าไทย” เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นระหว่างไทย-ซาอุฯ อาทิ การจับมือกับพันธมิตผู้ประกอบการซาวไทยที่มาร่วมออกงาน Thailand Mega Fair & Festival ด้วยกัน

3. “มองหาโอกาสทางธุรกิจจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่” โดยเฉพาะโอกาสในธุรกิจก่อสร้าง เน้นการเจาะลูกค้าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (giga project)
 

“เราเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ที่มีประสบการณ์ด้านซัพพลายเชนกว่า 45 ปี บวกกับการมีเครือข่ายพาร์ตเนอร์ในกว่า 50 ประเทศ จะทำให้สร้างเชื่อมั่นให้แก่คู่ค้าและลูกค้าในประเทศซาอุดีอาระเบียว่าเราสามารถให้บริการ จัดหาสินค้า จากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพและ น่าเชื่อถือ พร้อมนำเสนอโซลูชั่นการจัดหาสินค้าแบบครบวงจรให้ตอบสนองต่อความต้องการที่เฉพาะของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยพิ่มศักยภาพและความสำเร็จให้ กับเจ้าของธุรกิจอย่างยั่งยืน” นายอบิจิตกล่าว

นายอบิจิต กล่าวด้วยว่า ในขณะที่บริษัทเอสซีจี จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจในฐานะกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคอาเชียน ทางด้านเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ก็มีแนวคิดที่จะขยายธุรกิจต่อเนื่องในระดับสากล โดยเฉพาะใน SAMEA โดยก่อนหน้านี้ได้มีการการจัดตั้ง The Dubai Hub ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดหาและขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกา โดยหลายชาติในภูมิภาคนี้มีลักษณะการเติบโตของตลาดและเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ดังนั้น เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ จึงได้วางกลยุทธ์ และต่อยอดจุดแข็งของการดำเนินงานบริษัทฯ ที่ผ่านมา ให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาคเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและเข้าตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2024

การดำเนินการดังกล่าว อาทิ ตั้งเป้าให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นฮับศูนย์กลางซัพพลายเชนในการขับเคลื่อนการค้าและเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างชาติในภูมิภาค SAMEA โดยเฉพาะ ซึ่งแนวโน้มของธุรกิจกำลังเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ ภายหลังจากทางเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ได้ไปร่วมงานสร้างร่วมมือทางธุรกิจ CEO Night กับกลุ่มธุรกิจชั้นนำในตะวันออกกลางเมื่ช่วงกลางปีนี้ที่เมืองดูไบ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และมีแผนความร่วมมือทางธุรกิจอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ในขณะที่ประเทศ “บังกลาเทศ” นั้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นคู่ค้าของเอสซีจี อินเตอร์ฯ ได้อย่างเด่นชัดมากว่า โดยบริษัทเข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการธุรกิจและตอบโจทย์ทางการค้าแก่ลูกค้าได้ด้วยโซลูชั่น Value-Added ที่สามารถบริหารจัดการจัดส่งสินค้าหลากหลายประเภทไปยังบริษัทชั้นนำในบังกลาเทศ โดยตอบสนองความต้องการในการทำธุรกิจทางซัพพลายเชนของลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ส่วน “อินเดีย” นั้น ทางแบรนด์ได้เตรียมตัวเปิดไลน์สินค้าอิฐมวลเบา (ALC) ออกสู่ตลาดภายในเดือน มี.ค. 2024 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญหลังจากได้ร่วมทุนกับบริษัทผู้ผลิตชั้นนำของอินเดียในปีที่ผ่านมา

‘ปานปรีย์’ เตรียมเปิดงานใหญ่ในซาอุฯ Thailand Mega Fair & Festival 2023

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นประธานในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า Thailand Mega Fair & Festival 2023 ที่อารีนาริยาด ในวันที่ 13 ธ.ค. 2566 โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมกับบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) จัดงานดังกล่าวระหว่างวันที่ 13 – 16 ธ.ค. โดยมีสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด และสำนักงานการค้าต่างประเทศซาอุดีอาระเบียร่วมสนับสนุน

งานในครั้งนี้เป็นการแสดงสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงในซาอุดีอาระเบีย มีผู้ประกอบการไทยกว่า 120 บริษัทจากสาขาต่าง ๆ เข้าร่วม ทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่ม สาธารณสุขและการดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว ก่อสร้างและตกแต่ง การเกษตร น้ำหอม รูปแบบการดำเนินชีวิต ฯลฯ

ระหว่างการเยือนนายปานปรีย์มีกำหนดจะพบหารือทวิภาคีกับ ดร. มาจิด บิน อับดุ ลเลาะห์ อัลก็อซซอบี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายคอลิด บิน อับดุลอะซีซ อัลฟาลิห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนของซาอุดีอาระเบีย เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะในด้านการค้าและการลงทุน ตลอดจนประเด็นในภูมิภาคและระหว่างประเทศที่มีความสนใจร่วมกัน