สัมพันธ์‘จีน-เวียดนาม’แน่นแฟ้น เพิ่มแลกเปลี่ยนระดับประชาชน

สัมพันธ์‘จีน-เวียดนาม’แน่นแฟ้น เพิ่มแลกเปลี่ยนระดับประชาชน

สถาบันอุดมศึกษากว่า 50 แห่งในเวียดนามเปิดสอนสาขาหรือวิชาเอกภาษาจีน โดยปัจจุบันมีนักศึกษา 15,000 คนกำลังเรียนภาษาจีนในระดับอุดมศึกษา

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามในวันอังคาร (12 ธ.ค.) ตามกำหนดการเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี หลังจากรัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลเวียดนามยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการหารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของจีนและเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยประเด็นที่ทั้งสองผู้นำนำมาหารือร่วมกัน ครอบคลุมประเด็นการเมือง ความมั่นคง ความร่วมมือในเชิงปฏิบัติ การสร้างประชามติ ประเด็นพหุพาคี และประเด็นข้อพิพาททางทะเล

เมื่อเดือนต.ค. “หวอ วัน เถือง” ประธานาธิบดีเวียดนาม เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation) ครั้งที่ 3 ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า จีนและเวียดนามควรเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อสานต่อมิตรภาพจากรุ่นสู่รุ่น

ที่ผ่านมา เวียดนามมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการแสดงออกที่ก้าวร้าวมากขึ้นของเพื่อนบ้านในทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท และจีนทำให้หลายประเทศในอาเซียนไม่พอใจ รวมถึงรัฐบาลเวียดนาม จากการเปิดตัวแผนที่ทางการฉบับใหม่เมื่อ 1 ก.ย. ที่แสดงอำนาจอธิปไตยเหนือน่านน้ำดังกล่าวเกือบทั้งหมด

ปัญหาเขตแดนทางทะเลเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับเวียดนามที่ในเดือน ก.ค. ได้สั่งห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องบาร์บี้ในประเทศเนื่องจากมีการแสดงแผนที่ที่ประกอบด้วยแนวเส้นประ 9 เส้น ที่ใช้ในแผนที่อย่างเป็นทางการของจีน

อย่างไรก็ตาม จีนและเวียดนามเป็นประเทศที่มีพรมแดนร่วมกัน ทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดและมีพรรคคอมมิวนิสต์ปกครองประเทศเหมือนกัน แต่การเดินทางเยือนเวียดนาม 2 วันนี้ของประธานาธิบดีสี เป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกในรอบ 6 ปี

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเยือนกรุงฮานอยเมื่อเดือน ก.ย. เพื่อหาแนวร่วมต่อต้านอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาค

"เฮือง เล ทู" รองผู้อำนวยการโครงการเอเชียของอินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป ให้ความเห็นว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้ ตอกย้ำให้เห็นว่าจีนไม่เคยสูญเสียเวียดนามให้กับสหรัฐที่เป็นคู่แข่ง ส่วนมุมมองของเวียดนาม มองว่า การเยือนของผู้นำจีนสะท้อนถึงความสำเร็จของการทูตไม้ไผ่ ที่สามารถหลบหลีกประเทศมหาอำนาจที่แข่งขันกันโดยไม่ถูกบังคับให้ต้องเลือกข้าง
 

ส่วน"เหวียน คัก ซาง" นักวิจัยทางการเมือง มองว่า จีนจะใช้โอกาสนี้ดึงเวียดนามให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ผ่านนโยบายการต่างประเทศยุคสี  ภายใต้หลักการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน แม้ว่าเวียดนามยังคงมีความระมัดระวังในการเข้าร่วมความริเริ่มทางการเมืองที่นำโดยจีน แต่ก็ยังพอคาดหวังได้ว่าจะเห็นความก้าวหน้าเพิ่มเติมในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

การเยือนเวียดนามของผู้นำจีน มีขึ้นหลังจากมีการจัดมหกรรมการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเวียดนาม-จีน (Vietnam-China International Trade and Tourism Fair) ครั้งที่ 15 ขึ้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา

สง ป๋อ” (Xiong Bo) เอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนาม ให้สัมภาษณ์ไชน่า มีเดีย กรุ๊ปว่า มีปัจจัยหลายประการที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนจีนและเวียดนาม

“เนื่องจากมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ชาวเวียดนามจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับประวัติศาสตร์จีนและลัทธิขงจื๊อ ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์และซีรีส์จีนร่วมสมัยก็ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวเวียดนาม”ทูตจีน กล่าว

เพื่อยกระดับความเข้าใจและมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ จีนและเวียดนามได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันด้านการศึกษา

 “เจิ้ง ต้าเว่ย”ที่ปรึกษาด้านการศึกษาของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่า สถาบันอุดมศึกษากว่า 50 แห่งในเวียดนามเปิดสอนสาขาหรือวิชาเอกภาษาจีน โดยปัจจุบันมีนักศึกษา 15,000 คนกำลังเรียนภาษาจีนในระดับอุดมศึกษา

ในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-เวียดนามเมื่อปีที่แล้ว จีนประกาศว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลจีนจะมอบทุนการศึกษามากกว่า 1,000 ทุน และทุนสำหรับครูสอนภาษาจีนมากกว่า 1,000 ทุน เพื่อช่วยเหลือเวียดนามในการบ่มเพาะนักศึกษาและฝึกสอนครูภาษาจีนให้มีความรู้ความสามารถ

ท่านทูตสง ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงปี 2564-2565 มีนักศึกษาชาวเวียดนามมากกว่า 27,000 คนศึกษาในประเทศจีน โดยกว่า 1,700 คนในจำนวนนี้ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลจีน

“มติสาธารณชนระหว่างสองประเทศจำเป็นต้องได้รับการเสริมสร้างให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และทั้งสองฝ่ายควรให้ความสำคัญกับการกระชับมิตรภาพให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”เอกอัครราชทูตจีน ประจำเวียดนาม กล่าว