‘คาซัคสถาน’มุ่งมั่นผู้นำเอเชียกลางปฏิรูปประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

‘คาซัคสถาน’มุ่งมั่นผู้นำเอเชียกลางปฏิรูปประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

รอบปีที่ผ่านมาคาซัคสถานปฏิรูปการเมืองก้าวหน้าไปมาก เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน คาซัคสถานอยู่ในห้วงเวลาสำคัญแห่งประวัติศาสตร์การปฏิรูปประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ประกอบกับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกในตอนนี้ยิ่งเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนที่โลกต้องร่วมมือกันในด้านนี้

คาซัคสถานซึ่งมุ่งมั่นต่อหลักการประชาธิปไตย กำลังผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำการปฏิรูปการเมืองและประชาธิปไตยในภูมิภาค มีโครงการริเริ่มเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนมากมาย ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงอย่างครอบคลุมสู่คาซัคสถานที่เที่ยงตรงและเป็นธรรม ซึ่งสำคัญยิ่งต่อเรื่องเล่าด้านสิทธิมนุษยชนของโลก

การปฏิรูปสำคัญของคาซัคสถานแบ่งเป็นหลายด้าน สรุปได้ดังนี้

 การมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย 

คาซัคสถานเป็นผู้บุกเบิกแห่งเอเชียกลางจัดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีระดับเมืองและเขต การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาครั้งล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาใช้ระบบสัดส่วนและเสียงข้างมาก ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งครั้งใหญ่ของประเทศ เปิดโอกาสให้ผู้สมัครอิสระลงเลือกตั้งได้ ผู้สมัครที่หลากหลายสะท้อนถึงความมุ่งมั่นสร้างการปกครองที่ครอบคลุมของคาซัคสถาน พรรคการเมือง 6 จาก 7 พรรคมีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร เป็นสภาหลายพรรคที่มีมุมมองทางการเมืองแตกต่างกัน

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพิ่มบทบาทและอิทธิพลของสภาและรัฐบาลท้องถิ่น ถือเป็นการควบคุมอำนาจประธานาธิบดีไปพร้อมๆ กัน

ส่วนการก่อตั้งสภาความไว้วางใจสาธารณะแห่งชาติ ที่ต่อมาถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยองค์กรสิทธิมนุษยชน ทนายความ นักเศรษฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญอิสระ และข้าราชการพลเรือน เป็นการเพิ่มการมีส่วนร่วมของสาธารณะต่อการปกครองแห่งชาติ โครงการริเริ่มด้านประชาธิปไตยเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวแบบปรับการเมืองในภูมิภาคให้ทันสมัย เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นๆ ได้เรียนรู้และเดินบนเส้นทางเดียวกัน

 การปฏิรูปกฎหมาย 

ลดเกณฑ์คะแนนเสียงพรรคการเมืองเข้าสภาจาก 7% มาอยู่ที่ 5% บัตรเลือกตั้งมีช่อง “ไม่เลือกผู้สมัครคนใด” ใช้เขตเลือกตั้งแบบเขตเดียวคนเดียว เพื่อเสริมสร้างความหลากหลายและการเมืองที่แข่งขันกัน

ลดเกณฑ์คะแนนเสียงพรรคการเมืองเข้าสภาจาก 20,000 เสียงเหลือ 5,000 เสียง ลดเกณฑ์จดทะเบียนพรรคการเมืองจากสมาชิก 1,000 คน เหลือ 700 คน การเปิดกว้างเช่นนี้ทำให้มีพรรคการเมืองเกิดใหม่มากมาย อาทิ พรรค Respublica และ Baytaq

ประชาชนสามารถถอดถอนสมาชิกสภาได้ เป็นการเพิ่มความรับผิดชอบตรวจสอบได้ และความไว้วางใจของสาธารณะต่อสถาบันของรัฐ

การแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการจัดการรวมตัวกันอย่างสงบช่วยให้ประชาชนรวมตัวกันได้ง่ายขึ้น แค่แจ้งแผนการชุมนุมให้ทางทารทราบเท่านั้น ไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า ส่งผลให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น

 การปกป้องสิทธิมนุษยชน

ปี 2564 รัฐบาลประกาศแผนมาตรการจัดลำดับความสำคัญด้านสิทธิมนุษชน ครอบคลุม 9 ด้านสำคัญ

ปีต่อมาประกาศแผนมาตรการจัดลำดับความสำคัญด้านสิทธิมนุษชนและหลักนิติธรรม เน้นความท้าทายที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว คนพิการ ต่อต้านการซ้อมทรมานและค้ามนุษย์ ที่สำคัญคือการยกเลิกโทษประหารชีวิตโดยสมบูรณ์แสดงถึงความมุ่งมั่นของคาซัคสถานต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน รวมถึงสิทธิที่จะมีชีวิต

ด้านความเสมอภาคทางเพศได้ยกเลิกกฎหมายที่ห้ามผู้หญิงทำงานบางอย่าง เพิ่มโควตา ส.ส.หญิงในสภา

 การปฏิรูปรัฐธรรมนูญและระบบยุติธรรม

การจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญของคาซัคสถานและการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของประชาชนเน้นย้ำว่ารัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมสำคัญที่สุด

ศาลรัฐธรรมนูญได้ทบทวนปทัสถานทางกฎหมายกว่า 30 รายการ ประกาศให้ขัดรัฐธรรมนูญ 5 รายการ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 11 รายการ

มีการโยกย้ายหน้าที่และอำนาจในการรักษาพยาบาลนักโทษจากกระทรวงมหาดไทยไปให้กระทรวงสาธารณสุข ส่วนการนำรูปแบบกระบวนการสามชั้นก่อนการพิจารณาคดีมาใช้ก็เพื่อแบ่งแยกอำนาจให้ชัดเจนระหว่างหน่วยงานสอบสวน สำนักงานอัยการ และศาล

กระบวนการปฏิรูประบบยุติธรรมเหล่านี้จะเป็นตัวอย่างให้ชาติอื่นกระชับกรอบการทำงานด้านกฎหมายคุ้มครองสิทธิพลเมืองให้ดียิ่งขึ้น

 สื่อมวลชนและภาคประชาสังคม

กฎหมายใหม่ว่าด้วยการเข้าชื่อของสาธารณชนมีจุดมุ่งหมายเพิ่มเครื่องมือริเริ่มกฎหมายโดยพลเมือง ส่วนกฎหมายปฏิรูปสื่อและสร้างพื้นที่ดิจิทัลให้ปลอดภัยขึ้นของคาซัคสถานก็เป็นไปตามเทรนด์โลกในการปกป้องสิทธิพื้นฐานยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหมิ่นประมาทไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาเช่นเดียวกับมาตรฐานนานาชาติด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ลดโอกาสการถูกเล่นงานทางกฎหมายและการเซ็นเซอร์สื่อ

 ความร่วมมือระหว่างประเทศ

การปฏิรูปของคาซัคสถานที่กำลังดำเนินอยู่ เป็นไปตามการลงประชามติเมื่อปี 2565 ได้รับเสียงสนับสนุนกว่า 77% แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบอย่างชัดเจนต่อระบบการเมืองที่โปร่งใสและครอบคลุม  เพิ่มการมีส่วนร่วมของพลเมืองในวิถีชีวิตทางสังคมการเมือง

การปฏิรูปเหล่านี้ไม่ได้สำคัญแค่กับคาซัคสถานเท่านั้น แต่ยังเป็นค่านิยมสำคัญสำหรับประชาคมโลก ในฐานะตัวอย่างความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยและปกป้องสิทธิมนุษยชน

คาซัคสถานยังคงเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเพิ่มเติมวัตถุประสงค์เหล่านี้ แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์เพื่อส่งเสริมค่านิยมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรมในระดับที่กว้างขวางยิ่งขึ้น

ความร่วมมือเหล่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์แค่คาซัคสถาน แต่ยังมีส่วนช่วยแสวงหาโลกที่ยุติธรรมและเท่าเทียมมากขึ้นด้วย