เรือจีนกว่า 135 ลำป้วนเปี้ยนแนวปะการังฟิลิปปินส์
![เรือจีนกว่า 135 ลำป้วนเปี้ยนแนวปะการังฟิลิปปินส์](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2023/12/sVUCI2RtrTaMMboBGO0I.webp?x-image-process=style/LG)
ฟิลิปปินส์เผย เรือจีนกว่า 135 ลำ รายล้อมแนวปะการังนอกชายฝั่ง ระบุจำนวนเรือจีนที่เพิ่มขึ้นถือเป็นสัญญาณเตือน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน เรือยามชายฝั่งฟิลิปปินส์ แถลงว่า เรือจีน กระจัดกระจายกันอยู่รอบวิตซันรีฟ แนวปะการังรูปบูมเมอแรง ที่ฟิลิปปินส์เรียกว่าจูเลียน เฟลิเป รีฟ ห่างจากเกาะปาลาวันไปทางตะวันตกราว 320 กิโลเมตร ซึ่งวิตซันรีฟห่างจากเกาะไห่หนาน แผ่นดินจีนที่ใกล้ที่สุดมากกว่า 1,000 กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ฟิลิปปินส์นับเรือจีนได้ 111 ลำ แต่เมื่อเรือยามชายฝั่งสองลำของฟิลิปปินส์ออกลาดตระเวนในพื้นที่เมื่อวันเสาร์ (2 ธ.ค) จำนวนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 135 ลำ ส่งสัญญาณวิทยุไปก็ไม่มีการตอบรับ ฝ่ายฟิลิปปินส์กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของเรือจีน “น่าเป็นห่วง” และ “ผิดกฎหมาย”
เอเอฟพีสอบถามไปยังสถานทูตจีนในกรุงมะนิลายังไม่ได้รับคำตอบ
ที่ผ่านมารัฐบาลปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ รวมถึงน่านน้ำและหมู่เกาะใกล้ชายฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และไม่สนใจคำพิพาษาของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ว่าการรุกอ้างกรรมสิทธิ์ดังกล่าวไม่มีกฎหมายรองรับ
นอกเหนือจากการปล่อยเรือลาดตระเวนน่านน้ำ จีนยังสร้างเกาะเทียมและสิ่งปลูกสร้างทางทหารเพื่อตอกย้ำท่าทีของตน
วันนี้ (3 ธ.ค.) เรือยามชายฝั่งฟิลิปปินส์เผยรูปเรือจีนจอดเรียงราย จำนวนหนึ่งกระจัดกระจายกันไปในน่านน้ำ ซึ่งเมื่อปี 2564 เคยเกิดเหตุคล้ายๆ กัน เรือจีนกว่า 200 ลำรวมตัวกัน ณ แนวปะการังดังกล่าวทำให้เกิดความบาดหมางทางการทูตระหว่างมะนิลากับปักกิ่ง
มะนิลายืนยันว่า การรุกล้ำเข้าสู่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของฟิลิปปินส์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่จีนก็ยืนยันว่า เรือประมงเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้เข้ามาพักหลบอากาศเลวร้าย
เมื่อวันศุกร์ (1 ธ.ค.) ฟิลิปปินส์ประกาศตั้งสถานียามชายฝั่งแห่งหนึ่งบนเกาะใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ เพื่อจับตาเรือจีนได้ดียิ่งขึ้น
นายเอดูอาร์โด อาโน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เผยขณะเยือนเกาะทิตูว่า สถานียามชายฝั่งดังกล่าวจะติดตั้ง “ระบบทันสมัย” เช่น เรดาร์ ดาวเทียมสื่อสาร กล้องชายฝั่ง และระบบจัดการการจราจรทางเรือ ขณะนี้สถานีอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าปฏิบัติการได้ต้นปีหน้า