เมียนมาประกาศกฎอัยการศึก 8 เมือง สถานการณ์สู้รบในรัฐฉานดุเดือด

เมียนมาประกาศกฎอัยการศึก 8 เมือง สถานการณ์สู้รบในรัฐฉานดุเดือด

เมียนมาประกาศกฎอัยการศึกใน 8 เมืองรัฐฉาน หลังสถานการณ์สู้รบตึงเครียดหนัก ยูเอ็นชี้มีผู้อพยพหนีภัยสงครามแล้วเกือบแสนคน

สภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา (SAC) ประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 8 เมืองของรัฐฉาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมา หลังสถานการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพกับกองทัพเมียนมายังคงดำเนินไปอย่างดุเดือดในบางพื้นที่

ทั้งนี้ SAC เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อคืนวันอาทิตย์ (12 พ.ย.66) ว่า เมืองทั้ง 8 แห่งที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกประกอบด้วยกุนโหลง (Kunlong), โก้ดขาย (Kutkai), หมู่เจ้ (Muse), ล่าเสี้ยว (Lashio), แสนหวี (Theinni), เล้าก์ก่าย (Laukkaing) และกอนเกียน (Konkyan)

แถลงการณ์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคง หลักนิติธรรม และเสถียรภาพของภูมิภาค

เมียนมาประกาศกฎอัยการศึก 8 เมือง สถานการณ์สู้รบในรัฐฉานดุเดือด

ขณะที่ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า ปัญหาการสู้รบในพื้นที่รัฐฉานครั้งนี้ ทำให้มีคนต้องอพยพหนีภัยสงครามออกจากพื้นที่แล้วถึง 5 หมื่นคน รวมถึงในรัฐใกล้เคียงกันอย่างกะฉิ่น และเขตสะกาย (Sagaing) ที่อยู่ใกล้กันอีก 4 หมื่นคนด้วย 

ก่อนหน้านี้ นายมยิน ซเว รักษาการประธานาธิบดีเมียนมาได้กล่าวว่า ประเทศมีความเสี่ยงที่จะแตกแยก เนื่องจากวิธีจัดการกับสถานการณ์ความรุนแรงเมื่อเร็วๆ นี้บริเวณชายแดนเมียนมาที่ติดกับจีนนั้นไม่มีประสิทธิภาพ

 "หากรัฐบาลเมียนมาไม่จัดการสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนให้มีประสิทธิภาพ ประเทศก็มีความเสี่ยงที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เราต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากขณะนี้ประเทศอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ ประชาชนทั้งหมดจึงจำเป็นต้องให้การสนับสนุนกองทัพ" นายซเว กล่าว

กระทรวงต่างประเทศเร่งช่วยเหลือคนไทย

วันนี้ (13 พ.ย. 2566) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง, สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง เพื่อติดตามสถานการณ์ล่าสุดในการเร่งให้ความช่วยเหลือคนไทยกลุ่มต่าง ๆ จากเมืองเล้าก์ก่าย โดยจำนวนหนึ่งผ่านการตรวจสอบสัญชาติแล้ว และได้ติดตามประเด็นสำคัญ เช่น การอพยพผ่านเส้นทางต่าง ๆ เอกสารการเดินทางของคนไทย และสภาพความเป็นอยู่ และดูแลด้านอาหาร ฯลฯ ให้เพียงพอ 

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง เร่งรัดการประสานงานและขอรับการสนับสนุนต่าง ๆ กับทางการของประเทศเจ้าบ้าน เพื่อให้พร้อมทำการอพยพคนไทยกลับประเทศในโอกาสแรกที่จะกระทำได้ และได้ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ของไทยเตรียมการในภารกิจที่เกี่ยวข้องไว้ให้พร้อม

นอกจากนี้ ยังคงมีการประสานงานกับองค์กรภาคประชาสังคมที่มีส่วนช่วยเหลือในปัจจุบันอย่างใกล้ชิด

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์