'ปานปรีย์'ยืนยันคนไทยในเมียนมา 162 คนปลอดภัย เตรียมพากลับบ้านผ่านจีน

'ปานปรีย์'ยืนยันคนไทยในเมียนมา 162 คนปลอดภัย เตรียมพากลับบ้านผ่านจีน

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เมืองเล้าก์ก่าย ซึ่งติดอยู่ในสถานการณ์สู้รบว่า มีคนไทยประมาณ 162 คนอยู่ท่ามกลางสถนการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มว้ากับรัฐบาลเมียนมา

ขณะนี้ได้ประสานกับ เอกอัครราชทูตไทยในเมียนมา และเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน รวมถึงกงสุลใหญ่ไทย ณ คุนหมิง ที่จะประสานกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อให้ 162 คนไทยกลับประเทศได้อย่างปลอดภัย

“ขณะนี้ทราบว่าทั้งหมดปลอดภัยและอยู่ในความดูแลของรัฐบาลเมียนมา แต่รัฐบาลเมียนมายังไม่อนุญาตให้มีการเดินทาง เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายระหว่างทาง เชื่อว่าถ้าทุกอย่างสงบแล้ว 162 คนยังประสงค์กลับไทย ก็จะเดินทางผ่านไปยังจีน ซึ่งได้มีการประสานกันไว้แล้ว” นายปานปรีย์กล่าว

ต่อข้อซักถามที่ว่า ทราบหรือไม่ว่าคนไทยที่เข้าไปทำงานในเมียนมาประกอบอาชีพใด เพราะมีข่าวว่าไปทำงานในกาสิโนหรือคอลเซ็นเตอร์ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลใกล้เคียงกัน แต่ไม่ใช่ประเด็นที่จะไปตรวจสอบว่าไปทำมาหากินอะไร ประเด็นคืออยากให้คนไทยที่ไปทำงานในเวลานี้ปลอดภัยและไม่ได้รับอันตราย ส่วนการไปทำงานคงมีหลายรูปแบบ

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งเรียกร้องทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ ในหลายพื้นที่ของภูมิภาคทางเหนือเมียนมา ยุติการสู้รบและกลับมาเจรจากันบนแนวทางสันติ

กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) เปิดเผยว่า กลุ่มพันธมิตรภราดรภาพ หรือ The Brotherhood Alliance ที่ประกอบด้วย ชนกลุ่มน้อยหลายชาติพันธุ์ ใน รัฐฉาน สามารถยึดฐานทัพรัฐบาลทหารเมียนมาได้เพิ่มอีก 3 แห่งในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐฉานในปฏิบัติการทางทหารวันที่เจ็ด ภายใต้รหัส "ปฏิบัติการ 1027" (Operation 1027) โดยกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพได้เปิดปฏิบัติการดังกล่าวตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา และขณะเดียวกันกลุ่มกองกำลังอื่น ๆ ก็ออกปฏิบัติการโจมตีรัฐบาลทหารเช่นเดียวกัน เช่น กองกำลังอิสรภาพคะฉิ่น

ทั้งนี้ MNDAA ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสมาชิกกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพ ระบุว่า ก่อนรุ่งสางของวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) กองกำลังฝ่ายตนสามารถยึดฐานทัพของรัฐบาลทหารเมียนมาได้ 2 แห่ง ซึ่งรวมถึงฐานทัพโตนชานในเขตปกครองตนเองโกก้าง โดยปลิดชีพทหารเมียนมาได้อย่างน้อย 6 นายและควบคุมตัวเชลยได้จำนวนมากที่หลบหนีมาจากด่านแห่งอื่นของรัฐบาลทหารเมียนมา

เขตปกครองพิเศษโกก้าง มีเมืองหลวงชื่อ เลาก์ก่าย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำสาละวิน ทิศตะวันออกมีพรมแดนติดกับมณฑลยูนนานของประเทศจีน

นายลี จาวีน โฆษก MNDAA ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิระวดีว่า "ฐานทัพแห่งหนึ่งที่ยึดมาได้นั้นเป็นฐานทัพขนาดใหญ่และมีความสำคัญต่อรัฐบาลทหารเมียนมา ส่วนอีกแห่งเป็นด่านชั่วคราว"

ด้านกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) ว่า ขณะนี้สามารถยึดฐานทัพของรัฐบาลทหารเมียนมาได้รวมแล้วอย่างน้อย 92 แห่งและยึดเมืองได้อีก 4 แห่ง

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสฯ เครื่องบินขับไล่ของรัฐบาลทหารเมียนมาทิ้งระเบิดสองครั้งในหมู่บ้านกา ไล (Kar Lai) ในเมืองกุไก (Kutkai) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ส่งผลให้มีผู้หญิงรายหนึ่งเสียชีวิตและทำลายอาคารบ้านเรือนหลายหลัง

รายงานระบุว่า การโจมตีแบบไม่เลือกหน้าในรัฐฉานของรัฐบาลทหารนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ต.ค.เป็นต้นมา ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย ซึ่งรวมถึงเด็ก และมีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 40 คน นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการที่รัฐบาลทหารนำพลเรือนไปใช้เป็น “โล่มนุษย์” ในค่ายทหารด้วย

กลุ่มพันธมิตรภราดรภาพ (The Brotherhood Alliance) ประกอบด้วยสมาชิก 3 ฝ่าย ได้แก่ MNDAA กองทัพแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติดาระอั้ง (TNLA) และกองทัพอาระกัน (AA)