‘ไต้หวัน’ ทุ่มโรงงานชิป 5 พันล้านดอลล์ใน ‘ญี่ปุ่น’ ปูทางฮับเซมิคอนดักเตอร์

‘ไต้หวัน’ ทุ่มโรงงานชิป 5 พันล้านดอลล์ใน ‘ญี่ปุ่น’ ปูทางฮับเซมิคอนดักเตอร์

บริษัทชิปไต้หวัน สร้างโรงงานชิปมูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์ในญี่ปุ่น ท่ามกลางประเทศต่างๆ มองหาทางเพิ่มโอกาสในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

บริษัท พาวเวอร์ชิป เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริ่ง คอร์เปอร์เรชั่น (PSMC) ของไต้หวัน และ SBI Holding กลุ่มบริษัททางการเงินของญี่ปุ่น ได้เลือกสถานที่ตั้งสำหรับโรงงานผลิตชิปมูลค่า 8 แสนล้านเยน หรือ 5.3 พันล้านดอลลาร์ อยู่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น 

การสร้างโครงการเฟสแรกจะมีขึ้นในจังหวัดมิยางิ ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว เป็นเงินลงทุน 4.2 แสนล้านเยน โดยบริษัท PSMC และ SBI จะจ่ายครึ่งหนึ่งของต้นทุนการก่อสร้างโรงงาน ส่วนที่เหลือมาจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงเป็นเงินกู้ยืมธนาคาร และเงินอุดหนุนของรัฐบาล 

ญี่ปุ่นส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ และการผลิตชิป ซึ่งการตั้งโรงงานขนาดใหญ่แห่งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาล

สิ่งนี้เป็นความพยายามเกิดขึ้นหลังสหรัฐ เพิ่มข้อจำกัดในการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีไปยังจีน ขณะเดียวกันก็เพิ่มการผลิตส่วนประกอบทางเทคโนฯในสหรัฐเอง ซึ่งนำไปใช้ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปถึงรถยนต์ 

ท่ามกลางความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ จึงมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศอื่นๆ รวมถึงญี่ปุ่น มุ่งเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ชิปที่ PSMC และ SBI จะผลิตในโรงงานใหม่แห่งนี้ เป็นชิปประเภท 28 นาโนมิเมตร 40 นาโนเมตร และ 55 นาโนเมตร ไม่ใช่เป็นชิปล้ำสมัย แต่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ในญี่ปุ่น ซึ่งแหล่งรวมเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก อย่างโตโยต้า และฮอนด้า 

ทั้งนี้ ยังไม่มีเปิดเผยระยะเวลาการก่อสร้างและเวลาที่โรงงานเปิดดำเนินการ 

ขณะที่ญี่ปุ่นได้เสนอเงินอุดหนุนบริษัทต่างๆ เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศ

ก่อนหน้านี้ บริษัท Micron ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า จะลงทุนสูงถึง 5 แสนล้านเยนในญี่ปุ่นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงการลงทุนด้านการผลิตด้วย 

ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นมุ่งขยายพื้นที่ห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์เป็น 2 เท่า โดยในเดือนมิถุนายน กองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ได้เสนอให้ซื้อกิจการ JSR บริษัทยักษ์ใหญ่ของเซมิคอนดักเตอร์มูลค่า 903.9 แสนล้านเยน

ที่มา : CNBC