ปิดเมืองล่าหลัง 'มือกราดยิง' ยังลอยนวล ปีนี้สหรัฐมีกราดยิงแล้ว 500 ครั้ง!

ปิดเมืองล่าหลัง 'มือกราดยิง' ยังลอยนวล ปีนี้สหรัฐมีกราดยิงแล้ว 500 ครั้ง!

ตำรวจสหรัฐยังปิดเมืองไล่ล่าในรัฐเมน หลังคนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิง 16 ศพยังลอยนวล เปิดสถิติน่าตกใจแค่ปีนี้ปีเดียว สหรัฐเกิดเหตุกราดยิงในประเทศไปแล้วมากกว่า 560 ครั้ง! และเหตุการณ์ล่าสุดอาจไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของปี

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ตำรวจสหรัฐยังคงเร่งตามล่าหาตัวมือปืนผู้ก่อเหตุกราดยิงในเมืองลูอิสตัน ของรัฐเมน เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม คืนวันพุธที่ 25 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน และมีบาดเจ็บราว 50 คน หลังจากคนร้ายยังลอยนวลอยู่

รายงานระบุว่า ตำรวจได้ปิดเมืองลูอิสตันเพื่อไล่ล่าหาตัวคนร้าย ทว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พบตัว จึงได้ขยายขอบเขตการไล่ล่าออกไปอีก 3 เมืองใกล้เคียง คือ โบว์โดอิน ออเบิร์น และลิสบอน ขณะที่ตำรวจจากส่วนกลางได้เข้ามาช่วยเสริมกำลังในปฏิบัติการณ์ไล่ล่าตัวคนร้ายในครั้งนี้ด้วย

ปิดเมืองล่าหลัง \'มือกราดยิง\' ยังลอยนวล ปีนี้สหรัฐมีกราดยิงแล้ว 500 ครั้ง!

ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นมือปืนกราดยิงรายนี้คือ โรเบิร์ต คาร์ด วัย 40 ปี ซึ่งตำรวจระบุว่าเขาพกอาวุธและถือเป็นบุคคลอันตราย โดยมือปืนรายนี้ได้ก่อเหตุกราดยิง 2 ระลอก ในร้านเชเมนกีส์ บาร์ (Schemengees Bar) และในลานโบว์ลิ่ง สแปร์ไทมส์ รีครีเอชัน (Sparetime Recreation) เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น

หลายคนพากันวิ่งหนีตายโดยมีผู้รอดชีวิตรายหนึ่งในร้านโบว์ลิ่งเล่าว่า เขาวิ่งหนีไม่คิดชีวิตไปบนลานโยนโบว์ลิ่ง และขึ้นไปซ่อนตรงที่เก็บพินโบว์ลิ่ง จนกระทั่งตำรวจมาถึง 

ปีนี้สหรัฐเผชิญเหตุกราดยิงแล้วมากกว่า 560 ครั้ง!

ด้านสมาคมรวบรวมเหตุความรุนแรงจากปืน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ล่าสุดในครั้งนี้ส่งผลให้สหรัฐเผชิญเหตุกราดยิงแล้วทั้งหมดถึง 565 ครั้ง เฉพาะในปี 2023 (ยังไม่ครบปี) และยังถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่เกิดเหตุกราดยิงทะลุ 500 ครั้ง ก่อนถึงเดือนตุลาคม

ปิดเมืองล่าหลัง \'มือกราดยิง\' ยังลอยนวล ปีนี้สหรัฐมีกราดยิงแล้ว 500 ครั้ง!

ขณะที่ผลสำรวจจากมูลนิธิครอบครัวไคเซอร์ หรือ KFF ระบุว่าในปีนี้ มีชาวอเมริกันในวัยผู้ใหญ่มากถึงเกือบ 1 ใน 5 ที่ยอมรับว่ามีสมาชิกในครอบครัวตนเองที่เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน ไม่ว่าจะมาจากเหตุความรุนแรงภายในครอบครัวหรือมาจากการฆ่าตัวตายก็ตาม 

ผลสำรวจยังพบด้วยว่า มีคนเกือบ 1 ใน 5 เคยถูกขู่ด้วยอาวุธปืน และอีกราว 1 ใน 6 เคยได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืนมาแล้ว