นายกฯเตรียมเยือนจีน หารือการค้า กระชับสัมพันธ์การทูต ฟื้นเชื่อมั่นนทท.จีน

นายกฯเตรียมเยือนจีน หารือการค้า กระชับสัมพันธ์การทูต ฟื้นเชื่อมั่นนทท.จีน

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน มีกำหนดเข้าร่วมประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง หารือการค้าการลงทุนไทย-จีน กระชับความสัมพันธ์ทางการทูต เน้นย้ำประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน และรับประกันไทยจะทำทุกอย่างให้นักท่องเที่ยวจีนปลอดภัย

“เชิดชาย ใช้ไววิทย์” อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน มีกำหนดเข้าร่วมประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (The Third Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 และเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค.นี้

การประชุมดังกล่าว เป็นการประชุมเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งในปีนี้ มีการประชุมระดับสูง 3 หัวข้อ โดยนายกฯ จะเข้าร่วมประชุมและกล่าวแถลงในหัวข้อ “เส้นทางสายไหมสีเขียวเพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ” เน้นกล่าวถึงบทบาทไทยในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น กลไกระดมทุนสีเขียว การเปลี่ยนผ่านสีเขียวของเศรษฐกิจ เป็นต้น

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมในหัวข้อความเชื่อมโยง (Connectivity) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเข้าร่วมในหัวข้อเศรษฐกิจดิจิทัล ด้าน ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะอยู่ร่วมกับคณะเดินทางตลอดการเยือนจีน

สำหรับไทย การประชุมบีอาร์เอฟเป็นโอกาสในการยกระดับความเชื่อมั่นของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ได้แสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และถือเป็นโอกาสส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วม ซึ่งคาดว่ามีผู้แทนจากต่างประเทศเข้าร่วม 110 ประเทศ เป็นระดับผู้นำ 22 ประเทศ รวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ และนายกฯมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และหารือกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงด้วย

นายกฯเตรียมเยือนจีน หารือการค้า กระชับสัมพันธ์การทูต ฟื้นเชื่อมั่นนทท.จีน เชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

เชิดชาย กล่าวว่า

“จีนเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดสำหรับไทย และในช่วงก่อนโควิด-19 ไทยมีนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนมาที่สุด ดังนั้น ในทุกมิติของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ จีนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่แยกไม่ออก”

การประชุมบีอาร์เอฟครั้งนี้ ยังช่วยให้เกิดการสนับสนุนผู้ประกอบทั้งคนไทยที่ลงทุนในจีน และคนจีนที่ลงทุนไทย โดยจะร่วมหารือกันในการประชุมรอบพิเศษ 3 รอบ ซึ่งรอบแรกจะเป็นการพูดคุยระหว่างนักธุรกิจไทยและจีน นำโดยมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับฟังโอกาส ข้อจำกัด ข้อแนะนำ และปัญหาสำคัญของไทย เพื่อขยายการลงทุนให้มากกว่าที่เป็นอยู่

รอบที่ 2 เป็นการพูดคุยแบบตัวต่อตัว (one on one) กับนักลงทุนจีน และจะผลักดันการค้าการลงทุนของจีนในไทย โดยการประชุมรอบนี้จะมีขึ้นเกือบทั้งวัน ในวันที่ 17 ต.ค สำหรับการประชุมรอบที่ 3 จะพูดคุยเกี่ยวกับการจัด Investment Forum โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 19 ต.ค.

นอกจากนี้  ไทยจะมีการทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) หลายฉบับ แต่ยังไม่สามารถระบุหัวข้อเอ็มโอยูได้ เนื่องจากบางฉบับยังรอมติจากคณะรัฐมนตรีอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการลงนามเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลจะเผยแพร่ให้ทราบทันที 

กาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ เสริมว่า

เนื่องจากไทย-จีน จะมีการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต ครบรอบ 50 ปี ในปี 2568 การเยือนนี้ครั้งนี้ เสมือนเป็นการเปิดฉากความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น และเพื่อย้ำว่าประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน และรับประกันว่าไทยจะทำทุกอย่างเพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวชาวจีน

เชิดชาย เผยด้วยว่า ในการประชุมบีอาร์เอฟครั้งนี้  จะมีบริษัทเอกชนจีนเข้าร่วมหลายแห่ง และมีบริษัทขนาดใหญ่ของไทยมากกว่า 20 บริษัทเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม