วิกฤตท่องเที่ยวเวนิส 'ทัวริสต์'ล้น-'คนท้องถิ่น'แห่หนีออก

วิกฤตท่องเที่ยวเวนิส 'ทัวริสต์'ล้น-'คนท้องถิ่น'แห่หนีออก

ชาวเมืองเวนิสมองว่าปัญหามาถึงขีดสุดแล้ว เพราะคลื่นนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากยุโรปและสหรัฐในช่วง 2 -3 ปีมานี้ มีเพียงแค่ช่วงการระบาดของโควิด-19 เท่านั้นที่เมืองพอจะสงบลงได้บ้างในช่วงสั้นๆ

“นครเวนิส” ในอิตาลี ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกมาเป็นเวลานานแล้ว แต่การท่องเที่ยวที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของเมืองกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงมากเสียจนชาวเมืองต้องแห่ย้ายหนีออก เพราะเมืองของพวกเขากำลังเป็นเหมือนกับ “ดิสนีย์แลนด์แห่งอิตาลี” ไปเสียแล้ว 

สำหรับผู้คนจำนวนมากในเมืองแห่งสายน้ำแห่งนี้ สัญญาณของวิถีชีวิตประจำวันค่อยๆ จางหายไปทุกที่ ร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เพิ่งกลายเป็นร้านอาหารอิตาลีสำหรับนักท่องเที่ยว ร้านขายของที่ระลึกที่มาแทนที่แผงขายผลไม้ และโรงเรียนแห่งสุดท้ายก็ปิดตัวลงในย่านห่างไกล

แม้ว่าเวนิสจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากการท่องเที่ยวมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ทว่าครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป ชาวเมืองมองว่าปัญหามาถึงขีดสุดแล้วเพราะคลื่นนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากยุโรปและสหรัฐในช่วง 2 -3 ปีมานี้ มีเพียงแค่ช่วงการระบาดของโควิด-19 เท่านั้นที่เมืองพอจะสงบลงได้บ้างในช่วงสั้นๆ

ปรากฎการณ์ใหม่อย่างหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งสะท้อนเรื่องราวดังกล่าวได้ดีก็คือ “เวนิสกำลังมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว มากกว่าที่พักสำหรับคนอยู่อาศัยในเมือง”
 

โอซิโอ ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์เรื่องที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงสำหรับคนในเมือง เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดว่าในเดือนนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เกาะหลักของเวนิสมีเตียงสำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงโรงแรมและห้องเช่าระยะสั้น เช่น แอร์บีเอ็นบี (Airbnb) มากกว่าจำนวนเตียงของผู้อยู่อาศัยในเมือง ซึ่งการประเมินดังกล่าว กลายเป็นหัวข้อข่าวระดับชาติในอิตาลีและทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นว่า ในไม่ช้าเมืองนี้จะมีเฉพาะนักท่องเที่ยวและชาวเมืองที่กลายเป็นชนส่วนน้อย

เมื่อเปรียบเทียบกับ “ฟลอเรนซ์” อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวหลักในอิตาลีจะพบว่า มีจำนวนเตียงนักท่องเที่ยวเท่ากัน แต่ที่นั่นมีประชากรอยู่อาศัยมากกว่าถึงประมาณ 7 เท่า

การที่เวนิสถูกนักท่องเที่ยวเข้ายึดครองเคยเป็นปัญหามาแล้วในช่วงฤดูร้อน และช่วงพีกอื่นๆ ของปีด้วย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ขณะเดียวกัน ประชากรที่อยู่อาศัยก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง “โดยลดลงต่ำกว่า 50,000 คนในปีที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 300 ปี” ซึ่งลดลงจาก 66,000 คนเมื่อสองทศวรรษที่แล้ว และ 175,000 คนในช่วงต้นทศวรรษ 1950

อพาร์ตเมนต์จำนวนมากที่มีการปล่อยเช่าผ่านแอร์บีเอ็นบีและแพลตฟอร์มอื่นๆ ส่งผลให้ค่าเช่าพุ่งสูงขึ้นจนเกินกว่าที่คนในพื้นที่จะเอื้อมถึงได้ และเนื่องจากจำนวนผู้อยู่อาศัยลดลง ร้านค้าและบริการอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันก็มีจำนวนลดลงเช่นกัน แม้แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในบางสาขาก็อาจหาได้ยาก ทำให้คนที่ต้องรับการรักษาโรคบางอย่างต้องเดินทางออกจากเกาะเวนิสไปหาหมอในแผ่นดินใหญ่แทน

วิกฤตท่องเที่ยวเวนิส \'ทัวริสต์\'ล้น-\'คนท้องถิ่น\'แห่หนีออก

"เซบาสเตียน ฟาการาซซี" ไกด์ท่องเที่ยวและผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Venezia Autentica เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กล่าวว่า มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนมัธยมปลายกลุ่มของเขา 16 คนจากทั้งหมด 20 คน ที่ย้ายออกไปจากเวนิสแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเพราะชีวิตที่นี่มีราคาแพงและยากลำบากเกินไป

เขาเป็นทายาทรุ่นที่สามของครอบครัวที่เปิดร้านค้าใกล้สะพานริอัลโต ซึ่งขายเสื้อผ้าที่ผลิตในเวนิสและส่วนอื่นๆ ของอิตาลี แต่ร้านก็ปิดตัวลงในปี 2558 เมื่อไม่สามารถแข่งขันกับร้านที่ขายสินค้าผลิตจากต่างประเทศในราคาถูกได้อีกต่อไป และปัจจุบันร้านก็ได้เปลี่ยนมาจำหน่ายกระเป๋าถือและกระเป๋าเดินทางแทน

ระหว่างสะพานริอัลโตและจัตุรัสเซนต์มาร์กใจกลางเวนิส นักท่องเที่ยวจะเดินผ่านร้านค้าที่ขายของที่ระลึก ลูกอม วาฟเฟิลเบลเยียม เครปฝรั่งเศส และพิซซ่าทีละชิ้น มีเพียงแค่ตุ๊กตาแก้วมูราโนเท่านั้นที่พอจะเป็นสิ่งเตือนใจว่านี่ยังคงเป็นเมืองเวนิส 

ขณะที่ร้านขายอุปกรณ์ห้องน้ำดูจะเป็นหนึ่งในธุรกิจเพียงไม่กี่แห่งที่ให้บริการคนท้องถิ่น แต่แท้จริงแล้วก็ขายให้กับชาวต่างชาติที่กำลังปรับปรุงบ้านพักตากอากาศในเวนิสมากกว่า

ส่วนในบริเวณใกล้สะพานริอัลโต มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งถ่ายรูปโดยมีร้านขายยาธรรมดาๆ ร้านหนึ่งเป็นฉากหลัง แต่ในหน้าต่างของร้านนั้นมีจอแสดงผลดิจิทัลที่ขึ้นตัวเลขประชากรในเมืองพร้อมข้อความบ่งชี้ว่า ตัวเลขนี้ลดลงมากเพียงใดในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

สัญลักษณ์เช่นนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงของเวนิส แต่ถึงอย่างนั้น “ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในตัวมันเองไปอีกแห่ง ในฐานะหมุดหมายถ่ายรูปลงอินสตาแกรม”

ด้านกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเมืองต้องการให้ทางการเวนิสใช้มาตรการควบคุมค่าเช่าระยะสั้นเช่นเดียวกับในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐ พวกเขายังต้องการให้เมืองเสนอสิ่งจูงใจให้เจ้าของอพาร์ทเมนท์ให้ปล่อยเช่าแก่ผู้อยู่อาศัยมากกว่าปล่อยเช่าให้นักท่องเที่ยว หรือมีมาตรการจำกัดการก่อสร้างโรงแรมใหม่ และหยุดอนุมัติการเปลี่ยนอาคารที่มีอยู่ให้กลายเป็นโรงแรม

เป็นที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่ในปีนี้จะสูงกว่าสถิติเดิม 5.5 ล้านคน ที่ทำไว้ในปี 2562 ก่อนช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19