จับตาอินเดียตลาดใหญ่ กำลังซื้อสูงที่ 3 ของโลก เป็นรอง‘สหรัฐ–จีน’ในปี2570

จับตาอินเดียตลาดใหญ่ กำลังซื้อสูงที่ 3 ของโลก เป็นรอง‘สหรัฐ–จีน’ในปี2570

บริษัทวิจัยบีเอ็มไอ รายงานว่า ตลาดผู้บริโภคของอินเดียมีแนวโน้มจะใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2570 เนื่องจากจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงสูงนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นรองแค่เพียงสหรัฐและจีนเท่านั้น

ปัจจุบัน อินเดียเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก แต่บีเอ็มไอ ซึ่งอยู่ในเครือของฟิทช์ โซลูชันส์ คาดการณ์ว่า การเพิ่มขึ้น 29% ของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะหนุนให้อินเดียขยับขึ้น 2 อันดับ

ขณะเดียวกัน รายงานฉบับดังกล่าวยังคาดการณ์ว่า การเติบโตของการใช้จ่ายต่อหัวของภาคครัวเรือนในอินเดียจะแซงหน้าประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทยที่ขยายตัว 7.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี

“โดยรวมแล้ว ส่วนต่างระหว่างการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนทั้งหมดทั่วอาเซียนและอินเดียจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว” รายงานฉบับดังกล่าวระบุ
 

บีเอ็มไอ  ประเมินว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนของอินเดียจะทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรายได้หลังหักภาษีจะเพิ่มขึ้นรวม 14.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดย ณ เวลานั้นคาดว่า 25.8% ของภาคครัวเรือนอินเดียจะมีรายได้หลังหักภาษีรายปีแตะ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

“ครัวเรือนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในศูนย์กลางเศรษฐกิจ เช่น กรุงนิวเดลี เมืองมุมไบ และเบงกาลูรู โดยครัวเรือนที่มีฐานะร่ำรวยเป็นพิเศษมักกระจุกตัวอยู่ในเขตเมือง ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ค้าปลีกกำหนดเป้าหมายตลาดสำคัญได้ง่าย” บีเอ็มไอ ระบุ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ประชากรหนุ่มสาวจำนวนมากของอินเดียเป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนให้การใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น โดยประมาณ 33% ของประชากรของอินเดียจะมีอายุระหว่าง 20-33 ปี และบีเอ็มไอ คาดการณ์ว่า คนกลุ่มนี้จะเน้นใช้จ่ายในด้านอิเล็กทรอนิกส์

เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า อินเดีย กำลังจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกภายในปี 2618 แซงหน้าญี่ปุ่นและเยอรมนี รวมถึงสหรัฐด้วย

นอกจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นแล้ว การขับเคลื่อนการคาดการณ์คือความก้าวหน้าของประเทศในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี การลงทุนที่สูงขึ้น และผลิตภาพของพนักงานที่เพิ่มขึ้น

“ซานตานู เสงคุปตะ” นักเศรษฐศาสตร์อินเดียของโกลด์แมนแซคส์รีเสิร์ช กล่าวว่า “ในอีกสองทศวรรษข้างหน้า อัตราส่วนการพึ่งพาอาศัยกันของอินเดียจะต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจระดับภูมิภาค”

โดยอัตราส่วนการพึ่งพาของประเทศวัดจากจำนวนผู้อยู่ในอุปการะต่อประชากรวัยทำงานทั้งหมด อัตราส่วนการพึ่งพิงต่ำบ่งชี้ว่ามีผู้ใหญ่วัยทำงานที่สามารถเลี้ยงดูเยาวชนและผู้สูงอายุได้ตามสัดส่วน

กุญแจสำคัญในการดึงศักยภาพของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอินเดียคือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงาน และเสงคุปตะคาดการณ์ว่าอินเดียจะมีอัตราส่วนการพึ่งพาที่ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในอีก 20 ปีข้างหน้า

“นั่นคือโอกาสสำหรับอินเดียในการทำให้ถูกต้องในแง่ของการตั้งค่ากำลังการผลิต การเติบโตของบริการอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง”เสงคุปตะ กล่าว