‘มกุฏราชกุมารซาอุฯ’ พบ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน ส่งสัญญาณเอเชียกลาง เป็นใหญ่

‘มกุฏราชกุมารซาอุฯ’ พบ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน ส่งสัญญาณเอเชียกลาง เป็นใหญ่

“นายกรัฐมนตรีซาอุฯ” พบปะ “รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน” ถือเป็นการเจรจาสูงสุด นับตั้งแต่สองประเทศฟื้นสัมพันธ์ เมื่อเดือน มี.ค. หลังอยู่ในวังวนช่วงชิงและแข่งขัน สร้างความขมขื่นให้เอเชียกลางมายาวนาน

มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ในฐานะนายกรัฐมนตรีซาอุฯ ทรงพบปะรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ฮอสเซน อามิรับดอลลาห์ในวันศุกร์ (18ส.ค.)  

สำนักข่าว Tasnim ของอิหร่านรายงานว่า นายกรัฐมนตรีซาอุฯ ได้ตอบรับคำเชิญเยือนกรุงเตหะราน 

มกุฏราชกุมารแห่งซาอุฯ ได้ผลักดันแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ที่เน้นปรับทิศทางใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางปัญหากับสหรัฐ

การพบปะของมกุฏราชกุมารซาอุฯ กับรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านมีขึ้นที่เมืองเจดดาห์หนึ่งวัน หลังอามิรับดอลลาห์ประกาศว่า เราสองประเทศเดินอยู่ในเส้นทางความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง 

“การสนทนาเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เป็นประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดี” รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย หลังเข้าเฝ้าฯ นายกรัฐมนตรีซาอุฯ และเสริมว่า เราได้เห็นพ้องในเรื่องความมั่นคงและมุ่งพัฒนาทุกด้านในภูมิภาค 

นานนับสิบปีที่นักปฏิวัติอิหร่าน ผู้นำมุสลิมนิกายชีอะห์ และนิกายสุหนี่ของซาอุฯ ได้ครองอำนาจในตะวันออกกลาง และพวกเขาตกอยู่แนวทางการแข่งขันและช่วงชิงอำนาจในอิรัก ซีเรีย เลบานอน เยเมน และบาห์เรน ท่ามกลางการนองเลือดของนิกายต่างๆ 

กระทั่งจีน ก้าวเข้ามาเป็นประเทศคนกลางช่วยฟื้นสายสัมพันธ์ที่ดีในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา นำไปสู่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตแบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง เดิมที่ซาอุฯยุติความสัมพันธ์ไปเมื่อปี 2559 หลังมีผู้ประท้วงชาวอิหร่านบุกเข้าที่ทำการของซาอุฯ เหตุไม่พอใจคำสั่งประหารนักบวชชีอะห์คนสำคัญ

หลังที่สองประเทศขัดแย้งนานกว่าสิบปี และมีการแข่งขันกันระดับภูมิภาค ซึ่งทำให้บางประเทศก้าวขึ้นมามีบทบาทมากกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งสองประเทศต้องเปลี่ยนแนวทางนโยบายการต่างประเทศที่มีต่อกัน