‘สหรัฐ’ ฉลองความสัมพันธ์ ‘ไทย’ 190 ปี ปักธงตั้งฐานผลิตชิป -เทคโนฯ ชั้นสูง

‘สหรัฐ’ ฉลองความสัมพันธ์ ‘ไทย’ 190 ปี ปักธงตั้งฐานผลิตชิป -เทคโนฯ ชั้นสูง

‘สหรัฐ’ ฉลองความสัมพันธ์ ‘ไทย’ 190 ปี ปักธงตั้งฐานผลิตชิป -เทคโนฯ ชั้นสูง โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยและตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศขยายตัวปีนี้ 25% และเติบโตร่วม50%ตลอดสองปีที่ผ่านมา

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย จัดเสวนาโต๊ะกลมโดย “โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค” เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย เพื่อพูดคุยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐกับไทยในเรื่องสำคัญๆ รวมถึงพัฒนาการที่มีขึ้นในช่วงปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐและไทย ทั้งมิติการเมือง เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และความร่วมมือระดับภูมิภาค

โกเดค กล่าวว่า ภาพรวมปัจจุบันสองประเทศบรรลุความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านการค้า การลงทุน สุขภาพ การบังคับใช้กฎหมาย การศึกษา ความมั่นคง และอื่น ๆ อีกมากมาย ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งด้านความมั่นคง และสาธารณสุขได้เดินทางเยือนประเทศไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐกับไทยได้ลงนามในแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาเพื่อดำเนินความสัมพันธ์ร่วมกันต่อไปในศตวรรษที่ 21
 

ยอดการค้าไทย-สหรัฐโต 50%

“ตอนที่ผมกลับไปกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้พบกับหอการค้าสหรัฐ และสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน มีการเน้นย้ำถึงความสนใจของธุรกิจสหรัฐ ที่มีต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก ความสนใจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นจากการค้าและการลงทุนที่ขยายตัวขึ้น โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย และตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศขยายตัวปีนี้ 25% และเติบโตร่วม 50% ตลอดสองปีที่ผ่านมา” ทูตสหรัฐกล่าว และระบุตัวอย่างที่ชัดเจนคือการขยายตัวด้านการส่งออก โดยมีการส่งออกส้มโอชุดแรกออกจากกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐ และสหรัฐจะมองหาโอกาสความร่วมมือส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปสหรัฐเพิ่มมากขึ้น

อีกเรื่องที่สหรัฐให้ความสำคัญคือการยกระดับการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา สหรัฐหวังจะส่งนักศึกษาและคณาจารย์ไทยไปสหรัฐมากขึ้น และนักศึกษาชาวอเมริกันมาไทยมากขึ้น นอกจากนี้ สหรัฐยังทำงานร่วมกันกับทางการไทยเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาพโลก เพื่อหยุดยั้งการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และความร่วมมืออันยาวนานที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS) อันได้แก่ การวิจัยที่นำมาสู่การค้นพบครั้งใหม่เกี่ยวกับโรค HIV-AIDS, มาลาเรีย และโรคติดเชื้ออื่น ๆ 

หุ้นส่วนความร่วมมือวิทยาศาสตร์-การแพทย์

“ความร่วมมือของเราด้านการแพทย์เกิดขึ้นมายาวนานดังที่เห็นจากละครดังของไทยเมื่อไม่นานนี้ เรื่องหมอหลวง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการทำงานของหมอแดน บีช บรัดเลย์ (Dan Beach Bradley) ซึ่งเป็นหมอชาวอเมริกันที่นำเทคนิคการผ่าตัดสมัยใหม่เข้ามายังสยาม” ทูตสหรัฐเล่า

ทั้งสองชาติมีความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งร่วมกันต่อความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงและการเตรียมความพร้อมสำหรับวิกฤติการณ์ด้านมนุษยธรรมและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ดังจะเห็นได้จากการฝึกซ้อมคอบร้าโกลด์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

เมื่อมองไปข้างหน้า ยังมีงานที่สหรัฐสามารถทำร่วมกับไทยได้อีก เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านดิจิทัลในระดับโลก เทคโนโลยีชั้นสูง อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พลังงานสะอาด และการวิจัยด้านอวกาศ ล้วนเป็นโอกาสหลักของความร่วมมือในอนาคตที่จะมาถึง

ไทยอันดับ6 ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปสหรัฐ

ทูตสหรัฐมองว่า "ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่แล้ว และเป็นผู้ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อันดับ 6 ไปยังสหรัฐ ซึ่งล่าสุด มีบริษัทสหรัฐประกาศแผนลงทุนใหม่ในไทย รวมทั้งเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ผมคิดว่าไทยมีสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดีสามารถดึงดูด ดึงดูดเม็ดเงิน และดึงดูดบริษัทเข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น"

“เป็นที่ชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ทางธุรกิจแห่งอนาคตของสองประเทศมีความแข็งแกร่งมาก ก่อนหน้านี้ผมได้พูดคุยหารือกับหอการค้าสหรัฐกับบริษัทต่างๆ ล้วนส่งสัญญาณบวกการลงทุนครั้งใหม่หลายพันล้านดอลลาร์ในไทย เช่น บริษัทอเมซอนจะลงทุนการให้บริการ ขณะที่บริษัทผู้นำผลิตชิปของสหรัฐเตรียมจะลงทุนเพิ่มเติม นี่เป็นเพียงตัวอย่างการมุ่งมั่นลงทุนรวมกว่า 5 พันล้านดอลลาร์” ทูตโกเดคกล่าว

สิ่งที่สหรัฐให้ความสำคัญสูงสุดตลอดปีที่แล้วคือการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Trade Winds ซึ่งมีคณะผู้แทนการค้าคณะใหญ่ที่สุดจากสหรัฐร่วมเดินทางมายังไทย เพื่อส่งเสริมและเติมเต็มความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน  

พร้อมร่วมมือรัฐบาลไทยชุดใหม่

ทูตโกเดค กล่าวว่า "ผมคาดหวังกับรัฐบาลไทยชุดต่อไป ในการร่วมดำเนินการตามเป้าที่กำหนดไว้ในแถลงการณ์เชิงกลยุทธ์ระหว่างสหรัฐ-ไทย ประการแรก การขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน แสวงหาโอกาสในฐานะที่ไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ดิจิทัล และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงการเกษตร" 

เมื่อถามทูตสหรัฐถึงความคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงหลังไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้แล้ว โกเดค กล่าวว่า "ไม่อาจคาดเดาสถานการณ์สมมติได้ ผมขอย้ำว่าสหรัฐรอคอยสานต่อความร่วมมือระหว่างกันที่กำลังก้าวสู่ปีที่ 200 และสหรัฐพร้อมทำงานกระชับสัมพันธ์กับรัฐบาลชุดต่อไปในสิ่งที่ไทยกับสหรัฐสนใจร่วมกัน เช่น การเจรจา IPEF ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างการลงทุน การศึกษา ตลอดจนภัยคุกคามใหม่ๆ เช่น การเพิ่มการจ้างงาน และพัฒนาทักษะชั้นสูงตอบโจทย์ธุรกิจแห่งโลกอนาคต"