เงินสกุล ‘บริกส์’ เจอปัญหารุมเร้า จะไปต่อหรือพอแค่นี้

เงินสกุล ‘บริกส์’ เจอปัญหารุมเร้า จะไปต่อหรือพอแค่นี้

ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ ซึ่งกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หรือบริกส์จัดตั้งขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ ขณะนี้กำลังประสบปัญหาชำระหนี้ตนเอง

แหล่งข่าววงในกล่าวกับวอลล์ สตรีท เจอร์นัลว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ของกลุ่มบริกส์ ตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ได้หยุดออกสินเชื่อใหม่แล้ว 

สถาบันการเงินแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน ภายใต้ความร่วมมือของสมาชิกบริกส์ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้ เพื่อสร้างทางเลือกใหักับสถาบันการเงินต่างๆ ที่ถูกครอบงำด้วยเงินดอลลาร์ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ 

ภายใต้การประสานงานที่แข็งขันของปักกิ่ง หวังสั่นคลอนสถานะสกุลเงินดอลลาร์ จากเดิมตั้งเป้าปล่อยเงินกู้และสินเชื่อไว้ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2560 ต้องการให้เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2565 

ทั้งนี้เพื่อให้มีเงินทุนกับประเทศกำลังพัฒนา ทำให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ต้องมีการกู้ยืมเงินจากวอลล์สตรีท และจีน 

ดังนั้น แม้ขณะนี้ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่จะเริ่มลดการปล่อยกู้เงินดอลลาร์ แต่ความเป็นจริงแล้ว เงินกู้ยืมประมาณ 2 ใน 3 ของธนาคารแห่งนี้ ส่วนใหญ่กลับเป็นเงินดอลลาร์

นอกจากนี้ หลังเกิดสงครามยูเครนเมื่อปีที่แล้ว สถาบันการเงินต่างๆในสหรัฐก็ไม่เต็มใจปล่อยกู้ให้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ ซึ่งรัสเซียมีส่วนร่วมก่อตั้งเกือบ 20%

ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งนาง Dilma Rousseff ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการพัฒนาคนใหม่ก็ได้จุดชนวนความขัดแย้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอเคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิล ส่วนบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยคนต่อไปจะเป็นโควตาจากรัสเซีย

หากไม่มีเงินดอลลาร์เข้ามาสนับสนุนการดำเนินการของธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ จะทำให้สถาบันการเงินต้องชำระหนี้ด้วยเงินที่สูงกว่าเงินต้น 

วอลล์ สตรีท เจอร์นัลระบุว่า นับตั้งแต่มีสงครามยูเครนจนถึงตอนนี้ การชำระหนี้สูงมากกว่า 5 เท่า มูลค่าเดือน เม.ย. อยู่ที่ 1.25 ล้านดอลลาร์

ขณะนี้ ธนาคารฯ กำลังเจรจากับซาอุดีอาระเบีย อาร์เจนตินา และฮอนดูรัส เพื่อจัดหาเงินทุนเพิ่ม นี่คือเหตุผลทำไมบริกส์ต้อง “รับเพิ่มสมาชิกใหม่” 

สถาบันการเงินแห่งนี้กำลังเผชิญความท้าทายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฟิทช์เรทติ้งส์ปรับลดเครดิตเมื่อเดือน ก.ค. ขณะที่ธนาคารฯยังได้รับแจ้งดอกเบี้ยเงินกู้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า แถมเบี้ยประกันภัยที่ธนาคารเรียกเก็บกับสมาชิกก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งเป็นเหตุผลให้ “การปล่อยเงินกู้ลดลงอย่างมาก” 

เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ตกต่ำ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ ในฐานะผู้ให้กู้จะคาดหวังการสนับสนุนทางการเงินจำนวนมากจากปักกิ่งแห่งเดียว