จับตา'แอนโธนี บลิงเคน’เยือนจีน ยุคความสัมพันธ์หวาดระแวง

จับตา'แอนโธนี บลิงเคน’เยือนจีน ยุคความสัมพันธ์หวาดระแวง

'แอนโธนี บลิงเคน' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ที่มีแผนเยือนจีน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (12 มิ.ย.) ว่า จีนยกระดับศูนย์รวบรวมข่าวกรองในคิวบาเมื่อปี 2562

'แอนโทนี บลิงเคน' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ที่มีแผนเยือนจีน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (12 มิ.ย.) ว่า จีนยกระดับศูนย์รวบรวมข่าวกรองในคิวบาเมื่อปี 2562 ทั้งยังบอกด้วยว่า ระหว่างการจัดตั้งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนม.ค. 2564 เจ้าหน้าที่บางคนได้รับแจ้งเกี่ยวกับความพยายามอันละเอียดอ่อนของจีนในการขยายการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของจีนในต่างประเทศ เพื่อให้จีนสามารถแสดงและคงไว้ซึ่งอำนาจทางการทหารนอกพรมแดนได้อย่างเต็มที่

บลิงเคน กล่าวว่า จีนพิจารณาพื้นที่หลายแห่งทั่วโลกสำหรับการแผ่ขยายอิทธิพล ซึ่งรวมถึงการตั้งศูนย์รวบรวมข่าวกรองในคิวบา

ถ้อยแถลงนี้ของบลิงเคนมีขึ้นหลังจากที่หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (ดับเบิลยูเอสเจ) รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนได้ทำข้อตกลงลับกับคิวบาเพื่อสร้างสถานีดักฟังอิเล็กทรอนิกส์ในคิวบา

แต่เดิมนั้น ทำเนียบขาวระบุว่ารายงานของดับเบิลยูเอสเจไม่ถูกต้อง แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดน อธิบายเมื่อวันเสาร์ (10 มิ.ย.) ว่า จีนทำการสอดแนมจากคิวบามาสักระยะแล้ว

บลิงเคน กล่าวว่า สหรัฐมีการติดต่อกันในระดับสูงกับนานาประเทศที่กำลังพิจารณาที่จะเป็นฐานที่ตั้งให้กับศูนย์ข่าวกรองของจีน และการทูตของสหรัฐชะลอความพยายามของจีนในการแผ่อิทธิพลในต่างประเทศ

นอกจากนี้ บลิงเคน ยังกล่าวภายหลังพบปะกับนายอันโตนิโอ ทาจานี คู่เจรจาจากอิตาลีว่า “เรายังคงมั่นใจว่าเราสามารถตอบสนองพันธกิจด้านความมั่นคงได้ทั้งในประเทศและในภูมิภาคได้”

คำกล่าวของบลิงเคนเกี่ยวกับจีนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากบลิงเคนมีแผนจะเดินทางเยือนจีนอย่างเร็วที่สุดในสุดสัปดาห์นี้เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ขณะที่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้งสองชาติยังคงย่ำแย่

บลิงเคนมีแผนจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในช่วงต้นเดือนก.พ. เพื่อกระชับความสัมพันธ์หลังจบการประชุมแบบตัวต่อตัวระหว่างปธน.ไบเดนกับปธน.สี จิ้นผิง ในอินโดนีเซียเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา แต่การเดินทางดังกล่าวต้องล้มเลิกกะทันหันหลังจากสหรัฐตรวจพบบอลลูนสอดแนมของจีนลอยข้ามพื้นที่อันละเอียดอ่อนของสหรัฐ ทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศทวีความร้อนแรงมากขึ้น

โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว แถลงว่า รายงานข่าวของดับเบิลยูเอสเจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แต่ก็ยอมรับว่าสหรัฐรู้สึกวิตกกังวลอย่างจริงจังในเรื่องความสัมพันธ์จีน-คิวบา และจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของทั้ง 2 ชาติอย่างใกล้ชิด

ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ทำเนียบขาว และกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานของนิวยอร์กไทม์สที่อ้างเช่นกันว่า จีนกำลังจะเข้าไปตั้งฐานแห่งหนึ่งขึ้นในคิวบา ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อดักฟังสัญญาณสื่อสารของฐานทัพหรือหน่วยงานพาณิชย์ของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว

“คาร์ลอส เฟอร์นันเดซ เดอ คอสซิโอ” ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศคิวบา ปฏิเสธรายงานข่าวของดับเบิลยูเอสเจว่าเป็นเรื่องโกหกและไม่มีมูลอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังเป็นอีกครั้งที่สหรัฐใช้วิธีสร้างข่าวเท็จเพื่ออ้างความชอบธรรมในการคว่ำบาตรเศรษฐกิจคิวบา อย่างที่เคยทำมาหลายสิบปี

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของจีน ตอบโต้ว่า การเผยแพร่ข่าวลือและการใส่ร้ายป้ายสี เป็นกลยุทธ์ปกติทั่วไปของรัฐบาลสหรัฐ

บรรดาผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีก่อนหน้านี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน

“สตีเฟน โรช” นักวิชาการอาวุโสของศูนย์พอล ไช่ ไชน่า (Paul Tsai China Center) จากมหาวิทยาลัยเยล กล่าวในรายการ “Squawk Box Asia” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า "จีนนิยามสหรัฐว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ และเชื่อว่าสหรัฐตั้งใจจะขัดขวางเส้นทางของจีน“ไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันหลงเหลืออีกแล้วในตอนนี้”

ด้าน “วิลเลียม โคเฮน” อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐในสมัยของอดีตนายบิล คลินตัน ซึ่งปัจจุบันเป็นกรรมการและซีอีโอของบริษัทโคเฮน กรุ๊ป มีความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกัน โดยระบุว่า การตอบโต้กันไปมาระหว่างทั้ง 2 ชาติเริ่มเข้าสู่ระดับอันตราย

ช่วงต้นเดือนมี.ค. “ฉิน กัง” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ของจีน ระบุว่า ความสัมพันธ์กับสหรัฐเริ่มออกนอกเส้นทางการใช้เหตุและผลไปแล้ว พร้อมเตือนถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นหากสหรัฐยังไม่ยอมหยุด