สื่อนอกตีข่าว ‘ไทย’ ลั่นระฆังศึก เลือกตั้ง ได้รู้กันใครเป็นนายกรัฐมนตรี

สื่อนอกตีข่าว ‘ไทย’ ลั่นระฆังศึก เลือกตั้ง ได้รู้กันใครเป็นนายกรัฐมนตรี

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทยทั่วประเทศ ทยอยเดินทางไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันนี้ เพื่อตัดสินใจเลือกผู้แทนราษฎร 500 ที่นั่ง และถือเป็นเริ่มต้นการแข่งขันชิงชัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เว็บไซต์ชาแนลนิวส์เอเชีย รอยเตอร์และสื่อต่างชาติหลายสำนักรายงานว่า การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยเริ่มขึ้นในวันอาทิตย์ (14 พ.ค.) ซึ่งจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป 

ประชาชนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศมีประมาณ 52 ล้านคนต่างทยอยไปตัดสินใจเลือกผู้แทนไปทำหน้าที่ในสภา ก่อนหน่วยเลือกตั้งจะปิดลงในเวลา 17.00 น.วันเดียว

 

ขณะที่มีประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา 

“การชิงชัยเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นการชี้ชะตาประเทศไทย ซึ่งเป็นการขับเคี้ยวระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ ขณะที่พรรคการเมืองไม่ใช่รัฐบาล หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพรรคตนเองจะเข้าไปทำหน้าที่และสร้างการเปลี่ยนผ่านการบริหารประเทศ” สถานีโทรทัศน์บีบีซีรายงาน

เลือกตั้ง 66 ของไทยในวันนี้จะเป็นการเลือก ส.ส. จำนวน 500 ที่นั่ง โดยในจำนวนนี้ 400 คนเป็นการเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต ส่วนอีก 100 คนเป็นการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ 

ในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีผู้สมัครชิงที่นั่ง 400 ที่นั่ง และผู้สมัครอีก 4,710 คนกำลังชิงชัยกัน ในบัญชีรายชื่อพรรคชาติมีผู้สมัครรับเลือกตั้งเกือบ 1,900 คนจาก 67 พรรค

เมื่อเลือกที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้ 500 ที่นั่งแล้ว การแข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็เริ่มต้นขึ้น ในครั้งนี้มีผู้สมัคร 62 คนจาก 43 พรรคลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศ

ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พรรคการเมืองแต่ละพรรคสามารถส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกินสามคน อย่างไรก็ตาม เฉพาะพรรคที่ได้รับการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างน้อย 25 คนเท่านั้นที่สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้

ขณะนี้มี 5 พรรคผ่านเกณฑ์ในการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2562 ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และอนาคตใหม่ ซึ่งปัจจุบันคือพรรคก้าวไกล

จากนั้น การเสนอชื่อจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างน้อย 50 คน หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาล่าง ก่อนการลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นในที่ประชุมร่วมกัน อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้เป็นการโหวตร่วมระหว่าววุฒิสภา 250 คนและสภาผู้แทนราษฎร