มองกระบวนการเบี้ยวหนี้ที่กรุงวอชิงตัน | ไสว บุญมา

มองกระบวนการเบี้ยวหนี้ที่กรุงวอชิงตัน | ไสว บุญมา

อีกไม่ถึง 3 สัปดาห์เป็นไปได้ว่ารัฐบาลอเมริกันจะเบี้ยวหนี้ที่แบกอยู่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เพราะจำนวนนี้เป็นเพดานที่รัฐสภากำหนดไว้ ส่งผลให้รัฐบาลถูกมัดมือ

นอกจากรัฐสภาจะยอมเพิ่มเพดานให้ก่อนรัฐบาลจะมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย  ณ วันนี้ รัฐบาลคาดการณ์ว่าในวันที่ 1 มิถุนายน รายได้ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเก็บภาษีจะไม่พอสำหรับจ่ายค่าดอกเบี้ยของหนี้และรายจ่ายอื่น เช่น เงินเดือนข้าราชการและทหาร บำเหน็จบำนาญและสวัสดิการของประชาชน  

รัฐบาลพยายามกดดันให้รัฐสภาเพิ่มเพดานหนี้มาเป็นเวลานาน  แต่รัฐสภาไม่ยอมทำตามด้วยเหตุผลทั้งด้านปรัชญาการปกครองและด้านการเมือง  ทางด้านปรัชญา สภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรคริพับลิกันคุมเสียงข้างมากมองว่ารัฐบาลซึ่งนำโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนของพรรคเดโมแครตใช้จ่ายสูงเกินไป จึงควรลดการใช้จ่ายลงก่อนที่ฝ่ายตนจะยอมเพิ่มเพดานหนี้

ทางด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายพยายามชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นตอของปัญหาถ้ารัฐบาลเบี้ยวหนี้ซึ่งจะมีผลร้ายแรงมากทั้งภายในสหรัฐเองและทั่วโลก 

    ผลร้ายแรงมีหลายด้าน  การไม่ชำระหนี้ของรัฐบาลจะกระทบต่อความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนทันทีซึ่งจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไปอีกหลายด้าน เช่น ผู้ถือพันธบัตรของรัฐบาล หรือเจ้าหนี้จะมีรายรับน้อยลงส่งผลกระทบต่อไปอีกหลายทอด  ในขณะเดียวกัน พันธบัตรของรัฐบาลจะมีค่าน้อยลงส่งผลให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นโดยปริยายซึ่งจะมีผลต่อไปอีกหลายทอดเช่นกัน  

รัฐบาลคงต้องสั่งพักงานข้าราชการส่วนหนึ่งและงดจ่ายเงินสวัสดิการบางส่วน ซึ่งจะกระทบต่อการใช้จ่าย ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ด้านลบขึ้นอีกทางหนึ่ง  ผลสุดท้าย ผลกระทบทั้งหลายจะทำให้เศรษฐกิจถดถอยร้ายแรง  มาตรฐานการครองชีพของชาวอเมริกันจะลดลงอย่างกว้างขวาง

 เมื่อชาวอเมริกันไม่สามารถซื้อหาสินค้าและบริการจากภายนอกประเทศได้ ประเทศคู่ค้าย่อมมีรายได้ลดลงส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซา หรือถดถอยตามไปด้วย

มองกระบวนการเบี้ยวหนี้ที่กรุงวอชิงตัน | ไสว บุญมา

    ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐสภาตั้งเงื่อนไขต่าง ๆ ให้รัฐบาลทำ แต่รัฐบาลปฏิเสธและประกาศว่าจะไม่ยอมต่อรองกับรัฐสภาเด็ดขาด  อย่างไรก็ดี ในขณะที่เขียนบทความนี้เมื่อตอนเช้าวันพุธ นายไบเดนได้เชิญผู้นำในรัฐสภาทั้งสองฝ่ายไปร่วมปรึกษาหารือกันในทำเนียบขาว  

การพบกันครั้งนี้มองได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของการต่อรองที่จะนำไปสู่ข้อตกลงส่งผลให้รัฐบาลไม่เบี้ยวหนี้  แต่การหาข้อตกลงอาจไม่สำเร็จ ทั้งนี้เพราะรายงานบ่งว่าทั้งสองฝ่ายจะพบกันใหม่อีกครั้งในวันนี้โดยยังไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะยอมปรับเปลี่ยนจุดยืนของตน  

ผู้สัดทันกรณีมองว่าสังคมอเมริกันกำลังมีความแตกแยกสูงจนจะเกิดสงครามกลางเมืองอยู่แล้ว  รัฐสภาสะท้อนความแตกแยกสูงนั้น  การหาข้อตงลงจึงยิ่งยาก

    รัฐบาลอเมริกันเคยเผชิญกับภาวะเกือบจะต้องเบี้ยวหนี้มาก่อน แต่ก็หลีกเลี่ยงได้หลายครั้ง  หากครั้งนี้สองฝ่ายหาข้อตกลงกันไม่ได้ มีผู้เสนอให้รัฐบาลใช้อำนาจอันเกิดจากการตีความหมายของบทแก้ไขรัฐธรรมครั้งที่ 14  

อย่างไรก็ดี การตีความหมายเพื่อให้รัฐบาลมีอำนาจหลีกเลี่ยงเพดานหนี้มีผู้ไม่เห็นด้วย ทั้งในด้านการตีความหมายข้อความของบทแก้ไขนั้นและในด้านการตั้งบรรทัดฐานทางการเมืองการปกครองขึ้นใหม่จากการใช้ดังกล่าว  นอกจากนั้น เป็นไปได้สูงว่าฝ่ายไม่เห็นด้วยจะส่งเรื่องให้ศาลตีความซึ่งจะใช้เวลานับเดือน จึงสายเกินไปสำหรับภาวะที่รัฐบาลเผชิญอยู่

    ดังเป็นที่ทราบกันดี การเบี้ยวหนี้มิใช่ปรากฏการณ์ใหม่  หลายประเทศทำมาแล้วและบางประเทศทำหลายครั้ง ทั้งที่มันมีผลร้ายแรงมาก  การเป็นหนี้มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวคือ มนุษย์  หนี้มีทั้งด้านดีและด้านร้าย

ด้านดี มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์หลายอย่างจากการแก้ปัญหาการขาดแคลนชั่วคราวไปจนถึงการลงทุนทางเศรษฐกิจ  ด้านร้าย มันเป็นทางออกที่มักมีความมักง่ายแฝงอยู่  ในกรณีที่ความมักง่ายมีอยู่สูง การเบี้ยวหนี้มีโอกาสเกิดขึ้นสูงด้วย  ยิ่งการก่อหนี้มีความฉ้อฉลแฝงอยู่ การเบี้ยวหนี้ยิ่งจะมีความแน่นอน  เรามองการก่อหนี้ของรัฐบาลไทยกันอย่างไรในปัจจุบัน?