ภาพแห่งความทรงจำพิธีพระบรมราชาภิเษก ‘กษัตริย์ชาลส์ที่ 3’

กษัตริย์ชาลส์ที่ 3 เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.2566 ซึ่งงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 70 ปี ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์  ใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งพิธีการมีความศักดิ์สิทธิ์ตามโบราณราชประเพณีของราชวงศ์อังกฤษกว่า 1,000 ปี พร้อมการแสดงขบวนราชรถทองคำที่ตกแต่งอย่างหรูหรา และสวยงาม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ทรงแตะมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดบนพระเศียรของกษัตริย์ชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร พระราชบิดา ระหว่างพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์

นับเป็นพิธีราชาภิเษกครั้งแรกของสหราชอาณาจักรรอบ 70 ปี และเป็นเพียงครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

 

 

คามิลลา ภริยาคนที่สองของชาลส์ วัย 75 ปี จะได้รับการสวมมงกุฎเป็นราชินีในระหว่างพิธีการที่มีขึ้นนาน 2 ชั่วโมง ท่ามกลางประมุข ผู้นำ ผู้แทนระหว่างประเทศ รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 2,000 คนร่วมงาน

 

 

 

พระเจ้าชาลส์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 40 ที่จะสวมมงกุฎที่โบสถ์กลางกรุงลอนดอน นับตั้งแต่พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ในปี ค.ศ. 1066 นอกสหราชอาณาจักร พระองค์ยังเป็นกษัตริย์ของประเทศในเครือจักรภพอีก 14 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์

 

 

 

 

 

เมื่อพระบรมราชพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์เสร็จสมบูรณ์ กษัตริย์ชาลส์และควีนคามิลลา ทรงราชรถทองคำเสด็จไปยังพระราชวังบังกิงแฮม

 

 

 

 

 

กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษสวมมงกุฏแห่งรัฐของจักรวรรดิ และควีนคามิลลาแห่งอังกฤษทรงสวมมงกุฏของควีนแมรีเสด็จออกสีหบัญชร พระราชวังบังกิงแฮม พร้อมกับโบกพระหัตถ์ให้กับประชาชนที่เฝ้าเสด็จฯ หลายพันคน

 

 

 

แม้พระราชพิธีฯ มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ แต่ในยุคกษัตริย์ชาลส์ที่ 3 ได้นำเสนอระบอบกษัตริย์ที่มองไปข้างหน้า สะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่ผสมผสานความหลากหลาย รวมถึงทุกความเชื่อให้อยู่ร่วมกันได้ เพื่อเป็นฐานที่มั่นคงแข็งแกร่งให้คนรุ่นใหม่ และรักษาความยั่งยืน รวมทั้งสถานะสหราชอาณาจักรในระเบียบโลกใหม่

ราชวงศ์อังกฤษเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นเครื่องมือทางการทูตที่สำคัญ ตลอดจนการดำรงอยู่ในเวทีโลก