กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล

วันที่ 2 ของทริปทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้ กระทรวงการต่างประเทศ พาคณะทูตเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ร่วมทำกิจกรรมอนุรักษ์พันธุ์เต่าตนุและปลูกปะการัง พร้อมชมทัศนียภาพที่สวยงามของเกาะสิมิลันอันเลื่องชื่อ "เกาะสวย น้ำใส หาดทรายขาว วิวราวหลักล้าน"

ตามที่บอกใบ้ไว้ในตอนแรกว่า ทริปทัศนศึกษาพาคณะทูตานุทูตทั้ง 27 ประเทศ เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของไทยในภาคใต้ไม่ได้จบแค่ที่ จ.กระบี่ เท่านั้น แต่ทริปที่สอง ในวันที่ 31 มี.ค. กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) พาไปทัวร์แหล่งท่องเที่ยว จ.พังงาด้วย นักข่าวมือใหม่ขอคอนเฟิร์มว่า สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติของภาตใต้สวยตาแตกจริง ๆ

ในช่วงเช้า กต. พาคณะไปขึ้นเรือเร็วหรือสปีดโบตที่ท่าเรือ Seastar เพื่อเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โดยเกาะแรกที่ไปเยือนคือเกาะหูยง หรือ เกาะ 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ปะการัง และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลในพระราชดำริ การเดินทางไปเกาะหูยงใช้เวลาประมาณ 40 นาที 

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล  

ระหว่างเดินทาง ทั้งคณะได้ดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามของเกาะต่าง ๆ ภายในเขตอุทยานและได้เห็นน้ำทะเลสีฟ้าสดใส แม้ไกด์ประจำเรือบอกว่าวันนั้นอากาศร้อนมาก แต่ลมที่พัดระหว่างล่องเรือไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อนเลย ทูตและตัวแทนทูตแต่ละคนต่างตื่นเต้นไปกับการล่องเรือ และแอบลุ้นเจอโลมาหรือวาฬ แต่ครั้งนี้คงยังไม่ถึงเวลา ต้องมาเที่ยวซ้ำอีกสักรอบ

เมื่อถึงเกาะหูยง บอกเลยว่า ต้องอ้าปากค้างแล้วร้อง โอ้มายก็อด เป็นสิบ ๆ รอบ เพราะน้ำทะเลใสมาก ใสเหมือนน้ำในสระว่ายน้ำ ใสแบบทะลุปรุโปร่ง จนเห็นหินและแนวปะการังใต้น้ำอย่างชัดเจน นาทีนี้ทั้งคณะพากันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายทั้งรูปและวีดิโอกันอย่างรวดเร็ว บอกตรง ๆ ว่า อยากกระโดดลงไปเล่นน้ำเลย แต่ไกด์เตือนว่ารอบ ๆ เกาะที่เราสามารถเห็นความสวยงามใต้ทะเลได้นั้น น้ำลึกประมาณ 50-60 เมตรเลยทีเดียว

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล

หลังจากอิ่มเอมไปกับน้ำทัศนียภาพน้ำทะเลสีฟ้าสดใสแล้ว กต. พาคณะทูตร่วมฟังบรรยายโครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลในพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทยในพระราชดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

จากนั้นคณะทูตเยี่ยมชมบ่อฟักไข่เต่าตนุและบ่ออนุบาลเต่าตนุ รวมถึงร่วมทำกิจกรรมปล่อยเต่าตนุและปลูกปะการัง ซึ่งน้องเต่าตนุมีขนาดเล็กเพียงฝ่ามือเท่านั้น น่ารักน่าเอ็นดูมาก ๆ 

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล

โอกาสนี้ถือเป็นการปล่อยเต่าลงทะเลครั้งแรกในชีวิต ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้คณะทูต เพราะได้จับลูกเต่าตัวเป็น ๆ ครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าไม่ต้องกลัว เพียงแค่จับขอบกระดองแล้วนำน้องไปปล่อยลงสู่ทะเลได้เลย และย้ำว่า อย่าอุ้มน้องไว้นาน เพราะน้องไม่ชอบอากาศร้อน ว่าแล้วเราก็ถ่ายรูปอย่างไว แล้วนำน้องไปปล่อยลงทะเล 

เมื่อมองไปรอบ ๆ หาด ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจมากที่คณะทูตต่างยิ้มแย้ม มีความสุขกับการปล่อยเต่าตนุ นอกจากเป็นการปล่อยเต่าครั้งแรกของใครหลายคนแล้ว ยังมีส่วนร่วมช่วยอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำอีกด้วย

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล

ส่วนกิจกรรมร่วมกันปลูกปะการัง เจ้าหน้าที่ให้คณะทูตนำปะการังผูกมัดกับแท่นเหล็กที่เจ้าหน้าที่ดีไอวายเป็นที่อยู่ให้ปะการังคอยเกาะขณะเติบโตใต้ท้องทะเล แต่ผู้ที่นำปะการังไปปลูกในทะเลต้องเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานเท่านั้น เนื่องจากมีความชำนาญและเพื่อความปลอดภัยของคณะทูต

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล

หลังจากทำกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างมีความสุข นายอรรถพล เจริญชันษาฯ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รับเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะทูต

ในช่วงบ่าย กต. แบ่งโปรแกรมกิจกรรมทัศนศึกษาให้คณะเลือกตามอัธยาศัย ได้แก่ กิจกรรมดำน้ำตื้นชมปะการังที่เกาะบางงู (เกาะ 9) และชมทัศนียภาพรอบเกาะสิมิลัน (เกาะ 8) ส่วนนักข่าวอย่างเราที่ยังไม่มีประสบการณ์ดำน้ำ จึงขอไปล่องเรือชมทัศนียภาพในหมู่เกาะสิมิลันแทน

เมื่อถึงเกาะสิมิลัน  ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะน้ำทะเลใสเหมือนสระน้ำไม่แพ้เกาะหูยงเลย แต่ต่างกันตรงที่ เกาะนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็น ‘เกาะแลนด์มาร์ก’ ของอุทยานแก่งชาติหมู่เกาะสิมิลันก็ว่าได้ และก่อนจะขึ้นเกาะ แอบสังเกตเห็นหินก้อนใหญ่ที่โดดเด่นตามแนวกองหินของเกาะ ลักษณะคล้ายหัวเป็ด ไกด์บอกว่า หินนี้ชื่อ โดนัลด์ดัก ตัวละครในการ์ตูนดิสนีย์ พอได้ยินถึงกับบางอ้อ เหมือนจริง ๆ ด้วย ขณะเดียวกันไกด์บอกด้วยว่า บางคนอาจมองเป็นรองเท้าบูทก็ได้ ส่วนกองหินเหล่านั้น เรียกว่า กองหินเรือใบ

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล หินโดนัลด์ดัก

เกาะแห่งนี้ จัดพื้นที่หรือทำเขตเล่นน้ำทะเลให้นักท่องเที่ยวไว้อย่างดี เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ส่วนใครที่ไม่สะดวกเล่นน้ำ ยังมีจุดชมวิวบนหินเรือใบที่สามารถเห็นทัศนียภาพรอบเกาะได้

การเดินทางขึ้นไปบนเนินหินเรือใบเหมือนได้ออกกำลังกายยามบ่าย แต่ผู้เขียนไม่หวั่น เพราะเคยปีนเขาทะลุมิติที่สูงชันใน จ.ราชบุรีมาก่อนแล้ว การเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวหินเรือใบเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ และไม่อันตรายมากเพราะมีเชือกให้จับระหว่างทาง ส่วนจุดชมวิวอาจจะหวาดเสียวสำหรับคนกลัวความสูง เพราะไม่มีเชือกหรือราวบริเณจุดถ่ายรูป แถมยังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินสวนกันไปมา แนะนำว่าต้องเดินกันอย่างระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้เขียนจะกลัวความสูงนิดหน่อย แต่วิวที่ยอดเขาหินเรือใบ แพงมาก ! คุ้มค่าต่อการเดินขึ้นเขา ร้องโอ้มายก็อดในใจวนไปอีก 100 รอบ ไม่คิดว่าประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามขนาดนี้ และตอนนี้ยกให้เป็นที่หนึ่งในใจผู้เขียนเป็นที่เรียบร้อย

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล เกาะสิมิลัน 

จุดชมวิวทำให้เห็นบรรยากาศรอบเกาะที่งดงามมาก เห็นวิวน้ำทะเลที่ฟ้าเล่นกับแสงแดดระยิบระยับ ซัดคลื่นขึ้นฝั่งบนหาดทรายขาว และมีฉากหลังเป็นท้องฟ้ากับภูเขาอย่างกับภาพวาด เห็นแบบนี้ไม่รอช้า ผู้เขียนต้องถ่ายรูปและคลิปวีดิโอรัว ๆ อยากนั่งชมวิวนี้ทั้งวัน แต่ทำได้เพียงรีบถ่ายรูปและต้องรีบลงมา เพราะมีนักท่องเที่ยวรอสัมผัสบรรยากาศนี้อีกหลายคน 

พังงาฮอตจริง ๆ ฮอตที่ไม่ได้หมายถึงสภาพอากาศเท่านั้น แต่หมายถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ

หากใครกังวลว่าจุดชมวิวไม่มีราวจับ จะอันตรายหรือไม่ คงไม่ปฏิเสธ อย่างไรก็ดี ยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด

กต. พาคณะทูตเยือน ‘พังงา’ เกาะสวย น้ำใส ได้อนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ทะเล หลังจากจบทริป ผู้เขียนเชื่อว่าคณะทูตคงมีความสุข และอิ่มเอมไปกับทัศนียภาพที่สวยงามกันอย่างท้วมท้นแน่นอน กิจกรรมที่กต.จัดทัศนศึกษา เป็นทริปที่สรางความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับคณะทูตได้ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น คณะทูตและผู้เขียนเองได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำและพันธุ์พืชด้วย ทั้งยังทำให้รู้ว่า ในขณะที่เราท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามและมีคุณค่าเช่นนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ คอยดูแล คอยดำเนินโครงการและพัฒนาสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แหล่งท่องเที่ยวมีความยั่งยืน

นอกจากนี้ ผู้เขียนตกตะกอนได้ว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง จะกลับไปเที่ยวสถานที่ดังกล่าวอีกครั้งแน่นอน แต่จะเที่ยวด้วยความตระหนักรู้และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะเคารพและปฏิบัติตามกฎ กติกา ของเขตพื้นที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ เพราะในการท่องเที่ยวไม่เพียงแค่ได้ย่ำไปบนพื้นที่ แต่เราได้ใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น ร่วมกับธรรมชาติ ป่าไม้ สัตว์ต่าง ๆ และชาวบ้าน เราควรเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี เพื่อให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นยั่งยืนต่อไป