Leaders' Move: จีนหัวกระไดไม่แห้ง 'ฝรั่งเศสไป-บราซิลมา'

ความเคลื่อนไหวของเหล่าผู้นำโลกสัปดาห์นี้ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ที่จีน ช่วงนี้รับแขกกันไม่หวาดไม่ไหว ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเพิ่งจะกลับไป ประธานาธิบดีบราซิลก็มาเยือน พร้อมกับคำพูดหวานๆ เหมือนเดิม แต่ที่พูดตรงที่สุดน่าจะเป็น รัฐมนตรีหญิงจากเยอรมนี
***ลูอิซ อินาชิโอ ลูลา ประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายของบราซิลมาเยือนจีนและร่วมพิธีเปิดตัวประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาของกลุ่มบริกส์ อันประกอบไปด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งประธานก็ไม่ใช่ใครอื่นอดีตประธานาธิบดี “ดิลมา รูสเซฟ” พันธมิตรทางการเมืองของลูลานั่นเอง!
***ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงต้อนรับลูลาที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ (14 เม.ย.) บอกไปว่า การพัฒนาของจีนจะเปิดโอกาสใหม่ให้กับบราซิลด้วยเช่นกัน ได้ยินอย่างนี้ก็มีแต่ปลาบปลื้มกันไปทั้งสองฝ่าย
ส่วนเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐบอกในสัปดาห์นี้ว่า เธอเองก็หวังจะไปเยือนจีนอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่ เรียกได้ว่า ต่อให้หน้าฉากจีนกับสหรัฐจะทำสงครามน้ำลายกันขนาดไหน แต่อย่างไรเสียก็ต้องคบค้าไปมาหาสู่ให้รู้เขารู้เรา
***นี่ก็ไปปักกิ่ง แอนนาเลนา เบอร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี พบกับฉินกัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซึ่งเธอพูดตรงตามสไตล์เยอรมนี จี้ให้ปักกิ่ง “ขอให้รัสเซียผู้รุกรานหยุดสงครามในยูเครน ไม่มีประเทศไหนมีอิทธิพลต่อรัสเซียมากไปกว่าจีนอีกแล้ว”
***อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาในตะวันออกกลาง ตัวแทน 9 ชาติอาหรับ ประกอบด้วย 6 ชาติสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ ทั้งบาห์เรน, คูเวต, โอมาน, กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บวกกับอียิปต์, อิรัก และจอร์แดน ที่มาตามคำเชิญของซาอุฯ พบกันที่เมืองเจดดาห์เพื่อหารือกันเรื่องรับซีเรียเข้าสันนิบาตอาหรับอีกครั้ง
รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรียถูกระงับสมาชิกภาพจากเหตุปราบปรามขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างนองเลือดในปี 2554 ส่วนซีเรียจะได้กลับเข้าอาหรับลีกอีกหรือไม่นั้นต้องรอ 22 ชาติสมาชิกประชุมกันในเดือน พ.ค.ที่ซาอุดีอาระเบีย ถ้ารับแน่นอนว่ารัฐบาลชาติตะวันตกต้องประท้วง
***นิตยสารไทม์เผยรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกประจำปี 2566 จากหลากหลายวงการ ในหมวดผู้นำคนที่ติดลิสต์มีทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีเซของออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ของเยอรมนี
แต่ภริยาผู้นำก็ติดลิสต์ด้วย โอเลนา เซเลนสกา ภริยาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ที่ จิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ บรรยายคุณงามความดีของเธอว่า เซเลนสกาไม่ได้คาดหวังจะมาเป็นนักรบเพื่อประชาชนยูเครน แต่เธอตอบรับเสียงเรียกร้องนี้ด้วยความกล้าอย่างไม่นึกถึงตนเอง ... ได้ฟังเสียงเมียๆ ผู้นำเขาชื่นชมกันมาดามก็พลอยซาบซึ้งไปด้วย
อีกคนที่ติดลิสต์โดยที่ไม่น่ายินดีนักคือนายพลมิน อ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่ไทม์บรรยายว่า เป็นผู้เปลี่ยนเมียนมาเป็นรัฐโดดเดี่ยวไม่มีใครคบ เป็นรัฐเผด็จการอันดับสองของโลกตามดัชนีประชาธิปไตยของอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิตเมื่อปี 2565 เป็นรองก็แค่อัฟกานิสถานภายใต้การปกครองของตาลีบันเท่านั้น ...ควรปลาบปลื้มมั้ยกับคำบรรยายแบบนี้?







