เปิดมุมมอง‘บิ๊กบอส’แอร์เอเชีย ในวันที่ต้องเดินหน้าสู้ต่อ

เปิดมุมมอง‘บิ๊กบอส’แอร์เอเชีย  ในวันที่ต้องเดินหน้าสู้ต่อ

เปิดมุมมอง‘บิ๊กบอส’แอร์เอเชีย ในวันที่ต้องเดินหน้าสู้ต่อ ขณะที่ธุรกิจการบินในเอเชียเริ่มฟื้นตัว เฉพาะเดือนม.ค.และเดือนก.พ.สายการบินในเอเชีย-แปซิฟิกรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศมากถึง 34.1 ล้านคนเทียบกับ 5.2 ล้านคนในช่วงสองเดือนเดียวกันของปี 2565

“โทนี เฟอร์นานเดส” ผู้ร่วมก่อตั้งแอร์เอเชีย สายการบินต้นทุนต่ำที่ดีที่สุดในอาเซียน ให้สัมภาษณ์นิกเคอิ เอเชียเกี่ยวกับแผนงานบริหารสายการบินใหญ่ที่สุดของมาเลเซียแห่งนี้ให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังถือว่าสุ่มเสี่ยงแม้หลายประเทศจะเปิดพรมแดนให้เดินทางได้อย่างเสรี แต่ยังคงมีปัจจัยลบในเรื่องของการชลอตัวทางเศรษฐกิจเป็นตัวฉุดรั้ง

เฟอร์นานเดส นักธุรกิจชาวมาเลเซีย วัย 58 ปี ซึ่งปลุกปั้นสายการบินต้นทุนต่ำแห่งนี้และผ่านร้อนผ่านหนาวมานานหลายปี บอกว่าตอนนี้ธุรกิจการเดินทางและการบินเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากซบเซาอย่างหนักในช่วงที่มีการล็อกดาวน์เพราะโควิดระบาดแต่การจะบริหารธุรกิจการบินให้รอดปลอดภัย ได้กำไรตามเป้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องวางแผนและบริหารจัดการให้ดี

รายงานชิ้นนี้ระบุว่า เฉพาะเดือนม.ค.และเดือนก.พ.บรรดาสายการบินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศจำนวนมากถึง 34.1 ล้านคนเทียบกับ 5.2 ล้านคนในช่วงสองเดือนดังกล่าวของปี 2565 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่จีนตัดสินใจกลับมาเปิดประเทศเร็วขึ้นเพื่อรับเทศกาลตรุษจีน ถือเป็นฤดูกาลเดินทางและท่องเที่ยวที่พีคทั้งสำหรับชาวจีนและบรรดานักท่องเที่ยวในอาเซียน          
 

ช่วงปลายเดือนมี.ค. เฟอร์นานเดส ลงนามข้อตกลงในกรุงลอนดอนเพื่อเช่าเครื่องบินโดยสารแอร์บัส A 321 นีโอลำใหม่ จำนวน 15 ลำ เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มขึ้น 

เฟอร์นานเดส บอกว่า สายการบินจำหน่ายที่นั่งบนเครื่องบินโดยสารเหล่านั้นไปได้แล้วเกือบ 90%  และในการเซ็นสัญญาเช่าเครื่องบินครั้งนั้น เฟอร์นานเดสก็ได้เช่าเครื่องบินเผื่อไว้อีก 15 ลำ

ขณะที่ Capital A  บริษัทแม่ของแอร์เอเชีย แจงตัวเลขไม่ขาดทุนเป็นครั้งแรกในไตรมาสแรก นับตั้งแต่โรคโควิด-19เริ่มระบาด โดยรายงานตัวเลขกำไรสุทธิช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 อยู่ที่ 172ล้านริงกิต (39 ล้านดอลลาร์)

แต่ Capital A ซึ่งขาดทุนสะสมในช่วงการระบาดใหญ่ ถูกจัดประเภทเป็น “Practice Note 17” หรือ PN17 ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นการจัดประเถทของตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียที่จัดให้กับบริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงิน และการถูกจัดเป็นบริษัท PN17 อาจทำให้ถูกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนหากไม่สามารถปรับฐานะการเงินให้เป็นมาตรฐานภายในกรอบเวลาที่กำหนด

เปิดมุมมอง‘บิ๊กบอส’แอร์เอเชีย  ในวันที่ต้องเดินหน้าสู้ต่อ

แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ถูกจัดอยู่ในประเภท PN17 เช่นกัน ซึ่งเฟอร์นันเดส มีความมั่นใจว่าภายใต้แผนการปรับโครงสร้างที่จะยื่นต่อผู้คุมกฏตลาดหลักทรัพย์วันที่ 28 เม.ย.นี้  บริษัทจดทะเบียนทั้งสองแห่งจะออกจากสถานะดังกล่าวภายในเดือนก.ค. 2566

ธุรกิจการบินของแอร์เอเชียจะระดมทุน ซึ่งอาจควบคู่กับการจดทะเบียน 2 แห่งในสหรัฐหรือที่อื่นๆ ในเอเชีย และติดตามโอกาสในการเติบโต เช่น การจัดตั้งสายการบินใหม่ในสถานที่ต่างๆ เช่น เวียดนามและกัมพูชา

เฟอร์นานเดส บอกว่า จะรวมธุรกิจแอร์เอเชียเข้ากับแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ตามแผนปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดสถานะของบริษัทในฐานะบริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงิน

ส่วน Capital A ภายใต้การบริหารของเฟอร์นานเดส จะคงไว้ซึ่งธุรกิจดิจิทัล โลจิสติกส์ และบริการการบิน ในขณะที่แอร์เอเชีย เอ็กซ์เปลี่ยนชื่อเป็นแอร์เอเชีย อาวิเอชัน อยู่ภายใต้การนำของโบ ลิงแกม ที่เป็นผู้บริหารมายาวนาน

นักวิเคราะห์คนอื่นมองแง่ดีกว่านั้น  อย่างเช่น “ชูกอร์ ยูซอฟ” เจ้าของ Endau Analytics บริษัทวิจัยด้านการบินพลเรือนมีฐานดำเนินงานอยู่ในยะโฮร์ บาห์รู ให้ความเห็นว่า “หลายปีที่ผ่านมา เฟอร์นานเดสได้เรียนรู้หลายๆบทเรียนและรู้ว่าจะรับมือกับบรรดาผู้กำหนดนโยบายในรัฐบาลอย่างไร  แอร์เอเชีย ไม่เคยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเลยสักบาทเดียวในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด แตกต่างอย่างมากจากสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลอย่างมากมาย แต่ถึงแม้แอร์เอเชีย ไม่ได้รับเงินอุดหนุน บรรดาผู้คุมกฎก็ให้แรงจูงใจมากมายเพื่อไม่ให้แอร์เอเชียต้องถูกปลดออกจากตลาด เพราะการสนับสนุนในเรื่องนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวและการเดินทางด้วย”

เฟอร์นานเดส กล่าวว่า ตอนนี้่จำนวนผู้โดยสารในเที่ยวบินต่างๆเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขามั่นใจว่าจำนวนผู้ใช้บริการสายการบินจะกลับมาเพิ่มเท่ากับระดับก่อนเกิดการระบาดใหญ่ในเร็วๆนี้ 

“หน้าที่ของผมคือทำให้ธุรกิจการบินอยู่รอด  และสร้างความมั่นใจว่าพนักงานทุกคนที่เราไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องปลดเขาออกไปก่อนหน้านี้ ได้กลับมาร่วมงานกับเราใหม่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าธุรกิจเราจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในเวลาอันรวดเร็วมากนักแม้ว่าความต้องการเดินทางยังคงแข็งแกร่ง” เปิดมุมมอง‘บิ๊กบอส’แอร์เอเชีย  ในวันที่ต้องเดินหน้าสู้ต่อ