‘ทรัมป์นิยม’ นำความล่มจมสู่สหรัฐ? | ไสว บุญมา

‘ทรัมป์นิยม’ นำความล่มจมสู่สหรัฐ? | ไสว บุญมา

อดีตประธานาธิบดีอเมริกัน “โดนัลด์ ทรัมป์” เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เมื่อวันอังคารจากการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของสหรัฐคนแรกในจำนวน 46 คนที่ถูกฟ้องศาล

เหตุการณ์ที่เป็นต้นตอของคดีอยู่ที่เขาถูกกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กับดาราภาพยนตร์จำพวกใช้การเปลื้องผ้าเป็นจุดขายหลัก หรือที่มักเรียกกันสั้นๆ ว่าหนังโป๊ 

ดาราโป๊ผู้นั้นกล่าวหา ฝ่ายนายทรัมป์ปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ได้จ่ายเงินกว่า 1 แสนดอลลาร์เพื่อหวังจะปิดปากฝ่ายหญิง เนื่องจากความสัมพันธ์อันเป็นการนอกใจภรรยาและละเมิดจรรยาบรรณนั้นไม่ผิดกฎหมาย

สิ่งที่อัยการกล่าวหาว่าเขาละเมิดได้แก่การจ่ายเงินปิดปากดาราคนนั้นในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 เพื่อมิให้ผู้ออกเสียงรู้เรื่องเขาละเมิดจรรยาบรรณและหลักฐานของการใช้เงินนั้นมีเงื่อนงำ เขาถูกฟ้องอาญาถึง 34 กระทง
 

‘ทรัมป์นิยม’ นำความล่มจมสู่สหรัฐ? | ไสว บุญมา

นายทรัมป์ประกาศว่าไม่ได้ละเมิดกฎหมายตามข้อกล่าวหาและขอสู้คดีจนถึงที่สุด ซึ่งจะยุติเมื่อไรและผลจะออกมาอย่างไรคาดเดาได้ยาก เนื่องจากเขาประกาศลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน เพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง

หลังแพ้การเลือกตั้งที่ผ่านมา สถานภาพของเขาจะมีผลต่อการพิจารณาคดีอย่างไรหรือไม่ ยังเป็นปริศนา ยิ่งกว่านั้น คดีที่อ้างถึงนี้เป็นเพียงคดีแรก อีกไม่นานการสอบสวนพฤติกรรมอีก 2 กรณีอาจนำไปสู่การฟ้องร้องเป็นคดีอาญาด้วย

กรณีแรก เกี่ยวกับการที่เขาพยายามกดดันให้ฝ่ายจัดการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย หาทางทำให้เขาชนะ ทั้งที่หลักฐานจากการนับคะแนนซ้ำแล้วซ้ำอีกชี้ชัดว่าเขาแพ้แน่นอน แม้กระทั่งปัจจุบัน เขายังตะโกนโพนทะนาว่าถูกโกงจึงแพ้การเลือกตั้ง

การกระทำของเขาก่อให้เกิดปัญหา รวมทั้งปรากฏการณ์ชาวอเมริกันกลุ่มใหญ่บุกเข้าไปขัดขวางกระบวนการประกาศผลการเลือกตั้งในรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ซึ่งทำให้เจ้าพนักงานรักษาความปลอดภัยเสียชีวิต มีผู้ถูกจำคุกจำนวนมากและยังจะมีต่อไปเนื่องจากยังมีคดีที่ยังไม่สิ้นสุด 

กรณีที่สอง เกี่ยวกับการนำเอกสารลับของรัฐออกไปเก็บไว้ในบ้าน เมื่อรัฐบาลทราบเรื่องและพยายามขอคืน มีหลักฐานที่ชี้บ่งว่านายทรัมป์พยายามซ่อนเอกสารบางส่วนไว้ พร้อมกับพยายามขัดขวางการค้นหาของพนักงานรัฐ

‘ทรัมป์นิยม’ นำความล่มจมสู่สหรัฐ? | ไสว บุญมา

ผู้ติดตามความเป็นไปในสหรัฐอยู่บ้างย่อมทราบแล้วว่า นายทรัมป์มีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับการพยายามเอาเปรียบสังคม เขาเป็นนักธุรกิจมั่งคั่งที่มีคดีล้มละลายจำนวนมาก เนื่องจากตั้งใจใช้ช่องโหว่ของกฎหมายหาประโยชน์ด้วยวิธีนั้น เขามีประวัติในด้านการตั้งมูลนิธิการกุศลขึ้นมาบังหน้าและข่มขู่ผู้เห็นต่าง 

เมื่อปีที่แล้ว กิจการในเครือข่ายของเขาถูกศาลตัดสินว่าละเมิดกฎหมายด้านการเงินและภาษีถึง 17 กระทง ส่งผลให้ถูกปรับจำนวนมากและหัวหน้าฝ่ายการเงินติดคุกอยู่ในปัจจุบัน

เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีของเขา ทั้งที่เป็นประเพณีที่ประธานาธิบดีทำกันมาด้วยความสมัครใจจนต้องร้อนถึงศาล ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่ 4 ปี เขาถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติกล่าวหาว่าละเมิดจรรยาบรรณร้ายแรง 2 ครั้ง

นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ที่เป็นคนเดียวในบรรดาประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาเช่นนั้น เขาไม่ถูกวุฒิสภาปลดออกจากตำแหน่งเพียงเพราะพรรคของเขาคุมเสียงข้างมากในสภานั้น

ทั้งที่มีประวัติที่ชี้ชัดว่าหย่อนยานทางด้านศีลธรรมจรรยาและสร้างปัญหาให้แก่ประเทศชาติ แต่ชาวอเมริกันเลือกนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีและเป็นไปได้ว่าถ้าเขาไม่ติดคุกก็จะชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า การที่เขากล้าลงสมัครอีกครั้งเพราะชาวอเมริกันจำนวนมากยังสนับสนุนไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร จนอาจเรียกได้ว่าเกิดลัทธิทรัมป์นิยมขึ้นแล้ว

ประวัติศาสตร์ชี้ว่า มหาอำนาจที่หย่อนยานด้านศีลธรรมจรรยาจะอ่อนแอลงส่งผลให้ศัตรูกล้าท้าทายจนทำให้พ่ายแพ้และล่มจม การเลือกนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคงบ่งชี้ว่า สังคมอเมริกันกำลังอ่อนแอลง ซึ่งคงจะถูกท้าทายโดยตรงในอนาคตอันใกล้ การท้าทายอาจส่งผลให้สหรัฐล่มจม เนื่องจากทั้งสหรัฐและผู้ท้าทายจะเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ทั้งคู่

ฉะนั้น ผู้ท้าทายและโลกโดยรวมจะล่มจมไปพร้อมกับสหรัฐด้วย