ชาวออฟฟิศเสี่ยงสุด ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด เอไออาจกระทบงาน 300 ล้านตำแหน่ง

ชาวออฟฟิศเสี่ยงสุด ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด เอไออาจกระทบงาน 300 ล้านตำแหน่ง

สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานผลวิจัยของโกลด์แมน แซคส์ เผยว่า ความก้าวหน้าล่าสุดของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) อาจทำให้ 1 ใน 4 ของงานในสหรัฐและยูโรโซนเปลี่ยนแปลงสู่งานรูปแบบอัตโนมัติมากขึ้น

โกลด์แมน แซคส์ ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (27 มี.ค.) ว่า ระบบเอไอที่ถือกำเนิดขึ้น เช่น ChatGPT สามารถจุดกระแสความนิยมของระบบเอไอที่ช่วยเพิ่มจีดีพีได้ 7% ต่อปี ในอีก 10 ปีข้างหน้า

โกลด์แมน แซคส์ บอกว่า ถ้าองค์กรต่าง ๆ ลงทุนในเอไออย่างต่อเนื่องในระดับเดียวกับการลงทุนซอฟต์แวร์ในยุค 1980 การลงทุนในสหรัฐอาจช่วยจีดีพีสหรัฐโต 1% ภายในปี 2573 ซึ่งคาดการณ์โกลด์แมน แซคส์ อ้างอิงจากข้อมูลการวิเคราะห์งานทั่วไปในอาชีพที่แตกต่างกันหลายพันอาชีพของสหรัฐและยุโรป

“โจเซฟ บริกส์” และ  “เทเวศ โคดนานี” ผู้เขียนรายงาน ระบุว่า ถ้าเทคโนโลยีดำเนินไปตามคาดการณ์ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อตลาดแรงงาน งานประจำประมาณ 300 ล้านงานทั่วทุกประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จะเปลี่ยนแปลงสู่งานที่ใช้ระบบอัตโนมัติ

ซึ่งทนายความและพนักงานธุรการ อาจเป็นหนึ่งในกลุ่มงานที่เสี่ยงเป็นงานซ้ำซ้อนมากที่สุด

ทั้งนี้ งานประมาณ 2 ใน 3 ของสหรัฐและยุโรปใช้ระบบเอไอในระดับหนึ่ง แม้คนส่วนใหญ่มองว่างานตนเองใช้ระบบเอไอน้อยกว่า 50% แต่คาดว่าอาชีพตนเองอาจต้องใช้เอไอมากขึ้นต่อไป

ในสหรัฐ ระบบเอไออาจนำไปใช้แทนแรงงานได้ประมาณ 63% ส่วนแรงงาน 30% ที่ทำงานด้านนอกไม่ได้รับผลกระทบจากเอไอ แม้งานเหล่านั้นอาจอ่อนไหวต่อระบบเอไอรูปแบบอื่นก็ตาม

แต่แรงงานสหรัฐประมาณ 7% ยังมีลักษณะงานที่ใช้เอเอไออย่างน้อยครึ่งหนึ่งของงาน จึงอ่อนไหวต่อการถูกแทนที่ด้วยเอไอ

โกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า ผลวิจัยชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่เหมือนกันในยุโรป โดยในระดับโลก สัดส่วนการจ้างงานที่ทำด้วยตนเองในประเทศกำลังพัฒนามีมากกว่า จึงคาดว่างาน 1 ใน 5 อาจถูกแทนที่ด้วยเอไอ หรือคิดเป็นงานประจำประมาณ 300 ล้านตำแหน่งทั่วประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่

 

รายงานนี้จะทำให้เกิดการถกเถียงถึงศักยภาพเอไอ ทั้งการสร้างความเติบโตทางผลผลิตของประเทศร่ำรวย และการสร้างงานให้กับชนชั้นแรงงานปกขาวที่เสี่ยงประสบชะตากรรมเดียวกับแรงงานการผลิตในยุค 1980

จากรายงานที่เผยแพร่โดยโอเพนเอไอเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้สร้าง GPT-4 พบว่า 80% ของแรงงานสหรัฐเห็นว่า งานตนเองใช้เอไออย่างน้อย 10% อ้างอิงการวิเคราะห์ของนักวิจัยที่เป็นมนุษย์และโมเดลเอไอสร้างข้อความขนาดใหญ่ (LLM

แต่สำนักงานตำรวจยุโรป เตือนสัปดาห์นี้ว่า ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเอไอ สามารถช่วยนักต้มตุ๋นออนไลน์และอาชญากรรมไซเบอร์ได้ ดังนั้น LLM ด้านมืด อาจกลายเป็นโมเดลธุรกิจอาชญากรรมที่สำคัญในอนาคตด้วย

ทั้งนี้ นักวิจัยสันนิษฐานว่า เอไอสามารถรับมือกับงานต่าง ๆ ได้ เช่น การกรอกแบบแสดงรายการภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก คำนวณประกันภัยที่ซับซ้อน หรือบันทึกผลลัพธ์ของการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ไม่ได้คิดว่าเอไอจะนำมาใช้กับงานที่มีความละเอียดอ่อน เช่น การสร้างกฎหมาย, ตรวจสอบสถานะผู้ป่วยในการรักษาขั้นวิกฤต หรือเรียนเกี่ยวกับกฎหมายภาษีระหว่างประเทศ