‘ปูติน’วอนอภิมหาเศรษฐี‘รักชาติก่อนผลกำไร’

‘ปูติน’วอนอภิมหาเศรษฐี‘รักชาติก่อนผลกำไร’

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เรียกร้องบรรดาอภิมหาเศรษฐีให้รักชาติก่อนผลกำไร เข้ามาลงทุนในประเทศเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจที่กำลังถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร

Key points:

  • ประธานาธิบดีปูตินแถลงกับผู้นำภาคธุรกิจด้วยตนเองเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เขาส่งทหารเข้าไปในยูเครน
  • แม้กล่าวว่าความพยายามใช้การคว่ำบาตรทำลายเศรษฐกิจรัสเซียนั้นล้มเหลว แต่น้ำเสียงของปูตินก็แสดงความร้อนรน 
  • ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจรัสเซียทนทานต่อการคว่ำบาตรได้อย่างผิดคาด แต่ยากจะกลับไปมั่งคั่งเหมือนยุคก่อน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เมื่อวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีปูตินแถลงกับผู้นำภาคธุรกิจด้วยตนเองเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ส่งทหารเข้าไปในยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 ผู้นำรัสเซียแจ้งกับเหล่านักธุรกิจว่า บทบาทของพวกเขาไม่ใช่แค่หาเงินแต่ต้องสนับสนุนสังคมด้วย

“ผู้ประกอบการที่รับผิดชอบคือพลเมืองที่แท้จริงของรัสเซีย ของประเทศ พลเมืองผู้เข้าใจและกระทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศ เขาไม่ซ่อนสินทรัพย์ในต่างประเทศ แต่จดทะเบียนบริษัทที่นี่ ในประเทศของเรา และต้องไม่ขึ้นกับทางการต่างชาติ”

พร้อมกันนั้นปูตินยกย่อง “ภารกิจอันสูงส่ง” ของผู้ประกอบการผู้ดูแลคนงานและสั่งการคนเก่งไม่ใช่แค่เพื่อทำกำไรแต่ทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมเช่นกัน

เหล่าอภิมหาเศรษฐีรัสเซียที่มาร่วมงาน มีทั้งโอเลก เดริพาสกา, วลาดิมีร์ โปตานิน, อเล็กซี มอร์ดาชอฟ, เจอร์มัน ข่าน, วิกเตอร์ เวกเซลเบิร์ก, วิกเตอร์ ราชนิคอฟ, อังเดร เมลนิเชนโก และดิมิทรี มาเซปิน ผู้มีผลประโยชน์หลากหลายตั้งแต่เหล็ก ธนาคาร ไปจนถึงปุ๋ย

วัตถุประสงค์ที่จัดงานนี้ ปูตินกล่าวว่า เขาต้องการรับฟังมุมมองจากนักธุรกิจต่อการสร้างเศรษฐกิจให้มีพลวัตยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนทั่วประเทศให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ร่วมงานลุกขึ้นยืนปรบมือให้ผู้นำอย่างล้นหลาม แต่เขาก็ส่งสารกร้าวไปยังบุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดในรัสเซียว่า จำเป็นต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าผลกำไรของตนเอง

ตอนที่ปูตินพบกับนักธุรกิจช่วงเริ่มสงคราม เขาบอกว่าไม่มีทางเลือกนอกจากเปิด “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” บีบให้นักธุรกิจต้องแสดงความยินยอมต่อหน้าสาธารณะ ต่อมานักธุรกิจหลายคนถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร ปูตินจึงใช้เป็นข้ออ้างว่า ลงทุนในบ้านปลอดภัยกว่า

เดือนก่อนปูตินกล่าวกับผู้นำว่า ชาวบ้านรัสเซียไม่ได้สงสารที่เรือยอช์ทและคฤหาสน์ของพวกเขาถูกยึด

เศรษฐกิจรัสเซียทนได้

ปูตินกล่าวด้วยว่า ความพยายามใช้การคว่ำบาตรทำลายเศรษฐกิจรัสเซียนั้นล้มเหลว แต่น้ำเสียงของเขาแสดงความร้อนรนบอกว่า ประเทศชาติไม่สามารถนิ่งเฉยได้

“ผมเข้าใจดีถึงภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้น และสิ่งที่ผู้ไม่หวังดีพยายามบอกเราว่า รัสเซียจะมีปัญหาในระยะกลาง ใช่ นี่คือคำขู่ที่เราต้องระลึกไว้เสมอ ผมขอให้คุณอย่ารอจนความเสียหายระยะกลางเกิดขึ้น คุณต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้”

สัญญาณชัดเจนที่สุดว่ารัสเซียต้องการธุรกิจขนาดใหญ่คือ รัฐบาลที่กำลังขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก มีแผนเก็บภาษีลาภลอยราว 3 แสนล้านรูเบิล (3.9 พันล้านดอลลาร์) แม้ส่งผลกระทบกับบริษัทน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินก็ตาม

นายแอนตัน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาษีนี้กำหนดไว้ที่ราว 5% ของกำไรส่วนเกิน จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป แต่กระทรวงคาดหวังให้บริษัทจ่ายตั้งแต่ปีนี้

รัสเซียหวังให้ปีนี้เศรษฐกิจขยายตัว หลังจากร่วงลง 2.1% ในปี 2565นายแม็กซิม เรเชตนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจแถลงต่อสภาว่า ปีนี้ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และการลงทุนจะเติบโต แต่ไม่บอกตัวเลขประมาณการณ์

ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจรัสเซียทนทานต่อการคว่ำบาตรได้อย่างผิดคาด แต่จะให้กลับไปสู่ความมั่งคั่งเหมือนยุคก่อนเกิดความขัดแย้งคงเป็นไปได้ยาก เมื่อรัฐบาลทุ่มค่าใช้จ่ายไปกับกองทัพ ปูตินทุ่มเทเศรษฐกิจส่วนใหญ่ไปกับการทำสงคราม โรงงานกลาโหมทำงานแข่งกับเวลาเพื่อผลิตอาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์อื่นๆ