'ไทย-อินโดฯ'หมุดหมายหลักท่องเที่ยว ชาวจีนใช้จ่ายเงินมากสุดในอาเซียน

'ไทย-อินโดฯ'หมุดหมายหลักท่องเที่ยว ชาวจีนใช้จ่ายเงินมากสุดในอาเซียน

“ไทย-อินโดฯ” หมุดหมายหลักท่องเที่ยว ชาวจีนใช้จ่ายเงินมากสุดในอาเซียน โดยนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเงิน 254,000 ล้านดอลลาร์ในการเที่ยวต่างประเทศ เมื่อปี 2562 ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายในภูมิภาคอาเซียน

หลังจากรัฐบาลปักกิ่งยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ทำให้จีนเหมือนปิดประเทศนานถึง 3 ปี “โคมัง” พ่อค้าขายของที่ระลึกวัย 36 ปีชาวอินโดนีเซีย ที่ทำมาหากินที่หาดซานูร์บนเกาะบาหลี  ดีใจอย่างมากกับข่าวนี้  

“ผมตื่นเต้นมากและหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวบาหลีอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือ บาหลีจะมีนักท่องเที่ยวเต็มหาดอีกครั้ง ซึ่งหมายความว่าเราจะมีรายได้มากขึ้น” โคมัง กล่าว และดูเหมือนว่าเขาไม่กังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกต่อไป แล้ว แม้จะมีรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อในจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

“ผมไม่กลัวโควิดอีกแล้ว ตราบใดที่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวบาหลีเป็นนักท่องเที่ยวที่มีสุขภาพแข็งแรง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนตัวผมเองก็ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ดังนั้น ผมจึงไม่กังวลว่าจะติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด” โคมัง กล่าว

 แต่โคมัง ไม่ใช่คนที่มองในแง่ดีเพียงคนเดียว โรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน และธุรกิจต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างมีความคาดหวัง และมองในแง่ดีไม่ต่างจากเขา ทั้งยังรอคอยการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนเช่นกัน แต่คำถามที่ตามมาคือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากจีนหรือไม่
 

ประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีเที่ยวบินตรงเที่ยวแรกจากจีนมาถึงไทยในวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยบรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 200 คน ส่วนไทยมีรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวมาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนด้วยรอยยิ้มและพวงมาลัยดอกไม้สดในบรรยากาศที่อบอุ่น  เต็มไปด้วยรอยยิ้ม 

“นี่เป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย เป็นโอกาสอันดีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่เสียหายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดเมื่อ 3 ปีก่อน” อนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีสาธารณสุขของไทย กล่าว

เช้าวันเดียวกันนั้น รัฐบาลไทยประกาศยกเลิกข้อกำหนดการฉีดวัคซีนและใบรับรองการฉีดวัคซีนแก่ผู้เดินทางที่มาจากจีน โดยอ้างว่า อัตราการฉีดวัคซีนของไทยและจีนเพียงพอแล้ว และการแพร่ระบาดของโรคโควิดในไทยก็ต่ำ

ส่วนประเทศอื่น ๆ มากกว่า 10 ประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหรัฐ เริ่มใช้มาตรการตรวจโควิดและกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากจีน ขณะที่เกาหลีใต้ระงับการออกวีซ่าระยะสั้นให้แก่ชาวจีน

จีนใช้มาตรการซีโร่โควิดนานกว่าประเทศอื่น ๆ ในขณะที่ประเทศอื่นเริ่มผ่อนคลายมาตรการด้านการเดินทาง ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นพากันกลับเข้ามาเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน แต่การที่ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน ก็ทำให้ความหวังที่จะฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ ให้กลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดดูจะริบหรี่

ข้อมูลจากเว็บไซต์สตาทิสตา ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเงิน 254,000 ล้านดอลลาร์เพื่อการท่องเที่ยวต่างประเทศเมื่อปี 2562 และส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายในอาเซียน

  'ไทย-อินโดฯ'หมุดหมายหลักท่องเที่ยว ชาวจีนใช้จ่ายเงินมากสุดในอาเซียน
 

ในปีเดียวกันนั้น นักเดินทางชาวจีนที่เดินทางไปอินโดนีเซียใช้จ่ายเงินโดยเฉลี่ยในการเดินทางต่อครั้งอยู่ที่ 1,114 ดอลลาร์ ส่วนที่เดินทางมาไทยมีการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,467 ดอลลาร์

   เมื่อกระแสเงินจากจีนหยุดชะงัก จึงเกิดช่องโหว่ที่นักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ไม่สามารถเติมเต็มได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในภูมิภาคนี้มากถึง22% ของนักท่องเที่ยวโดยรวมที่เดินทางเข้ามาในภูมิภาค และการใช้จ่ายของพวกเขาก็ช่วยสร้างงานให้คนในภูมิภาคนี้

     ข้อมูลจากสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก ระบุว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวและนักเดินทางชาวจีนช่วยให้ภาคบริการในอินโดนีเซียมีการจ้างงานประมาณ 11 ล้านตำแหน่ง ส่วนในฟิลิปปินส์มีการจ้างงานประมาณเกือบ 8 ล้านตำแหน่ง ส่วนในไทยมีการจ้างงานประมาณ 7 ล้านตำแหน่ง

ส่วนเชนโรงแรมราคาประหยัดทั้งหลายอย่าง RedDoorz  ในอินโดนีเซีย รู้สึกตื่นเต้นกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีน เช่นเดียวกับโคมัง แม้ลูกค้าของโรงแรมส่วนใหญ่มาจากในประเทศ 

 “อามิต เซเบอร์วาล” ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร RedDoorz บอกว่า “นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นลูกค้าคนสำคัญ พวกเขาคือผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศ และจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวม”

      ด้านสายการบินต่าง ๆ ก็มองหาโอกาสจากการเปิดประเทศครั้งนี้ของจีนเช่นกัน โดยเวียตเจ็ท แอร์  สายการบินของเวียดนาม วางแผนกลับมาให้บริการเที่ยวบินเวียดนาม-จีนอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมิ.ย.ปีนี้ 

     “เหวียน ธาน ซอน” รองประธานบริษัทเวียตเจ็ท  แอร์ กล่าวไว้เมื่อช่วงต้นเดือนม.ค. ว่า “หลังจากยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในจีน และนำนโยบายวีซ่านักท่องเที่ยวเวียดนาม-จีน กลับมาใช้อีกครั้ง เวียตเจ็ทแอร์อาจกลับมาเปิดเที่ยวบินเวียดนาม-จีนอีกโดยเริ่มต้นด้วยเที่ยวบินจากเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และเมืองท่องเที่ยวของเวียดนามกับเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของจีนในปีนี้บริษัทเตรียมเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 20%-30%

ส่วน “ซานเดียกา อูโน” รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอินโดนีเซีย บอกว่า สายการบินจีนหลายแห่งรวมถึงแอร์ไชนา, ไชนาเซาท์เทิร์น และไชนา อีสเทิร์น ขออนุญาตเปิดเที่ยวบินตรงจากจีนสู่บาหลี 

 เช่นเดียวกับสายการบินมาเลเซียหลายแห่ง ก็หวังกลับมาเปิดเที่ยวบินในเครือข่ายทั้งหมดเพื่อบินเข้าจีนและประเทศทางตอนเหนือของเอเชีย ภายในครึ่งแรกของปีนี้เช่นกัน

 แต่ธุรกิจบางแห่งก็มองว่าช่วงเทศกาลตรุษจีน การเดินทางของชาวจีนอาจไม่คึกคักอย่างที่คาด เนื่องจากการเปิดประเทศกระทันหันของจีนก่อนวันหยุดยาว ส่งผลให้มีเวลาน้อยมากในการออกวีซ่า ต่ออายุหนังสือเดินทาง เพิ่มเที่ยวบินและเตรียมความพร้อมด้านโรงแรม

 “ปัณพร วงษ์จันทร์เพ็ญ” ประธานกรรมการบริษัทพอลลา แอนด์โค ประเทศไทย จำกัด ให้ความเห็นว่า “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทาง ต้องการเวลามากกว่านี้ โรงแรมบางแห่งที่เน้นนักท่องเที่ยวจีน ยังไม่เปิดให้บริการ ส่วนธุรกิจรถทัวร์และไกด์หลายคนที่พูดจีนได้ ไปหางานอื่นทำกันแล้ว เช่น อาชีพครูและอาชีพอื่น ๆ”

นอกจากนี้ สมาชิกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวของหลายคน ที่คอยรองรับตลาดท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ ก็ปิดตัวลงในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิดและกำลังอยู่ในช่วงจับตาดูสถานการณ์ ขณะที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลกรุ๊ป ก็เตรียมจัดโปรโมชันช่วงเทศกาลตรุษจีนตั้งแต่ก่อนรัฐบาลปักกิ่งตัดสินใจเปิดประเทศด้วยซ้ำ 

     “โอลิเวียร์ บรอน” ประธานบริหารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลโรบินสัน เผยว่า "เราไม่ได้หวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาไทยเร็วสุดตามที่สังคมคาดหวัง แต่เราคาดว่าธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่ายอดขายจะขยายตัว 2 เท่าจากนักท่องเที่ยวจีน และยอดขายทั้งหมดในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบจากปี 2565

ด้าน “เจน ซัน” ประธานบริหารทริปดอทคอมกรุ๊ปของจีน ระบุว่า หลายบริษัทในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ลดพนักงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังมาตรการควบคุมโควิดบั่นทอนรายได้บริษัท

“ความสามารถในการดำเนินงานของบริษัท ยังไม่สามารถกลับไปเท่าระดับการดำเนินงานในปี 2562 ได้ แม้เราเปิดเที่ยวบินเต็มที่และมีโรงแรมรองรับมากมาย แต่นักท่องเที่ยวคงไม่มากเท่าปี 2562” ซัน กล่าว

ข้อมูลจากทริปดอทคอมกรุ๊ป แสดงให้เห็นว่า การค้นหาทริปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. ถึงกลางเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ สหรัฐ อังกฤษ สิงคโปร์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย เป็นประเทศที่ถูกค้นหามากที่สุด ส่วนการค้นหาแพ็คเกจทัวร์เพิ่มขึ้นสูงถึง 6 เท่า

แม้อุตสาหกรรมเดินทางและท่องเที่ยวยังคงต้องรับมือกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างยากลำบาก แต่ “ซีทริป” แพลตฟอร์มภาษาจีนของทริปดอทคอม ก็เปิดตัวแคมเปญเชื่อมเครือข่ายนักท่องเที่ยวจีน กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวต่างประเทศ และลงทุนแจกบัตรกำนัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,000 ล้านหยวนเพื่อให้ชาวจีนนำไปใช้ใน 20 ประเทศ

แต่ปีนี้ ชาวจีนบางคนวางแผนที่จะอยู่บ้านหรือท่องเที่ยวแค่ในประเทศ ดูได้จากการเดินทางในจีนช่วงตรุษจีนเพิ่มขึ้น 2 เท่าสู่ระดับ 2,000 เที่ยวของการเดินทาง หลังรัฐบาลยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด