มองอาร์เจนตินาเป็นมหาอำนาจ | ไสว บุญมา

มองอาร์เจนตินาเป็นมหาอำนาจ  | ไสว บุญมา

นักฟุตบอลอาร์เจนตินา กลับมาประกาศศักดาของความเป็นมหาอำนาจด้านการกีฬาอีกครั้ง กับการคว้าแชมป์บอลโลก 2022 หลังเงียบหายไป 36 ปี

พร้อมกันนั้น ผู้สันทัดกรณีในด้านการกีฬานี้ดูจะเห็นพ้องต้องกันว่า ลิโอเนล เมสซี ผู้เกิด 1 ปีหลังรุ่นพี่ประกาศศักดาครั้งก่อนและเป็นหัวหน้าชุดที่เพิ่งชนะถ้วยฟุตบอลโลกครั้งนี้ คู่ควรกับตำแหน่งนักฟุตบอลเก่งกาจที่สุดตลอดกาล

การชนะถ้วยเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งทำให้อาร์เจนตินาตามเพียง 3 ประเทศคือ บราซิล (5 ครั้ง) เยอรมนี และอิตาลี (ประเทศละ 4 ครั้ง) ส่งผลให้ชาวอาร์เจนตินาดีอกดีใจฉลองชัยกันแบบข้ามวันข้ามคืน รัฐบาลสนับสนุนด้วยการประกาศให้วันอังคารที่ผ่านมาเป็นวันหยุด

ความดีอกดีใจและการฉลองชัยชนะดังกล่าว คงส่งผลให้ชาวอาร์เจนตินาลืมปัญหาเฉพาะหน้าไปชั่วคราว ปัญหาที่ชาวอาร์เจนตินาเผชิญมีหลากหลายและต่อเนื่องมานาน ซึ่งสะท้อนความอ่อนแอทางโครงสร้างพื้นฐานที่มีอาการให้เห็นเป็นประจำ

เช่น เดือนนี้รองประธานาธิบดีเพิ่งถูกศาลตัดสินจำคุกฐานฉ้อฉลในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และในรอบปีนี้อาร์เจนตินามีอัตราเงินเฟ้อสูงถึงราว 90%

ประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า อาร์เจนตินามิได้ควรจะเป็นมหาอำนาจทางด้านการกีฬาฟุตบอลเท่านั้น หากควรเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นอีกด้วย แต่ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานทำให้อาร์เจนตินาล้มลุกคลุกคลานในด้านการพัฒนามาหลายสิบปี

ย้อนไปถึงสมัยก่อตั้งประเทศ อาร์เจนตินาใช้ระบอบประชาธิปไตยในแนวเดียวกับสหรัฐถึงกับมีรัฐธรรมนูญชนิดลอกเลียนมา ยกเว้นมาตราเกี่ยวกับการมีศาสนาประจำชาติ อาร์เจนตินามีอะไรๆ หลายอย่างคล้ายสหรัฐ และดีกว่าที่ไม่มีปัญหาเรื่องทาสและการรังเกียจผิวพรรณ

ฉะนั้น ในวันก่อนที่ชาวอาร์เจนตินาจะก้าวเข้าทางผิด ประเทศของเขาพัฒนาได้เทียมบ่าเทียมไหล่กับประเทศก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ เยอรมนี หรือฝรั่งเศส และนำหน้าประเทศในเขตทวีปอเมริกา รวมทั้งแคนาดาด้วย

ปัจจัยที่ทำให้ชาวอาร์เจนตินาก้าวเข้าทางผิด ได้แก่ ชนชั้นเศรษฐีซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นส่วนใหญ่คุมนโยบายของประเทศเป็นเวลานาน ส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นหมันโดยปริยาย

เมื่อมีผู้เสนอแนวนโยบายที่จะมีผลทำให้ชนชั้นเศรษฐีหมดอำนาจ ชาวอาร์เจนตินาจึงเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีเมื่อปี 2459 แนวนโยบายของเขาคือประชานิยมแบบเลวร้าย จากวันนั้นมา ชาวอาร์เจนตินาก็เสพติดประชานิยมแบบโงหัวไม่ขึ้น และชนชั้นผู้นำต้องกระทำความฉ้อฉลเพื่อตนเองและเพื่อสนองการเสพติดนั้น

หลังเวลาผ่านไป 40 ปี อาร์เจนตินาประสบความล้มละลายและเปลี่ยนสถานะจากประเทศร่ำรวย ที่บริหารจัดการด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นประเทศล้มลุกคลุกคลาน ที่มักมีทหารเข้ามาร่วมสร้างปัญหา

มองอาร์เจนตินาเป็นมหาอำนาจ  | ไสว บุญมา

เช่น ก่อน ลิโอเนล เมสซี เกิดไม่นาน รัฐบาลทหารควบคุมประเทศและฆ่าชาวอาร์เจนตินาไปราว 3 หมื่นคน แม้ในปัจจุบันทหารดูจะวางมืออย่างถาวรแล้ว แต่ความฉ้อฉลและผลจากการเดินทางผิดยังอยู่รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อสูงมาก

อาร์เจนตินาให้บทเรียนอย่างไรมีอยู่ในหนังสือชื่อ “ประชานิยม หายนะจากอาร์เจนตินาถึงไทย?” ซึ่งไม่มีวางขายแล้ว อย่างไรก็ดี ทั้งในกรณีของอาร์เจนตินาและของประเทศอื่นที่ใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือชื่อ “ประชานิยม ทางสู่ความหายนะ” ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีที่ www.bannareader.com และฟังเสียงได้จาก YouTube

อาร์เจนตินาให้บทเรียนด้านการพัฒนา โดยการใช้นโยบายที่ทำให้ตนพ้นจากความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประชาชนประสบปัญหาสารพัด รวมทั้งบางครั้งต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในอัตราปีละกว่า 2 หมื่นเปอร์เซ็นต์

สำหรับด้านนักฟุตบอลอาร์เจนตินา เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนใหญ่พัฒนาทักษะเบื้องต้นในประเทศของตนแล้วไปเล่นให้สมาคมฟุตบอลในยุโรป ลิโอเนล เมสซี เองเริ่มไปอาศัยอยู่ในสเปนและเล่นกับสมาคมบาร์เซโลนาตั้งแต่อายุ 13 ปี นักฟุตบอลชั้นนำของบราซิลและของประเทศอื่นก็เช่นกัน

ฉะนั้น อาจสรุปได้ว่า การจะเป็นมหาอำนาจทางกีฬาฟุตบอล นอกจากจะต้องมีทักษะเบื้องต้นในระดับสูงแล้ว ยังจะต้องอาศัยการมีโอกาสไปฝึกฝนต่อกับสมาคมฟุตบอลชั้นนำในยุโรปอีกด้วย นักฟุตบอลไทยแทบไม่เคยมีโอกาส การจะเป็นมหาอำนาจจึงไม่มี อย่างไรก็ดี ไทยอาจมีความคล้ายอาร์เจนตินาในด้านผลของการใช้ประชานิยมแบบเลวร้ายในวันข้างหน้า.