สื่อจีนเปลี่ยนไป! รายงานข่าวหาทางลงโควิดเป็นศูนย์

สื่อจีนเปลี่ยนไป! รายงานข่าวหาทางลงโควิดเป็นศูนย์

สื่อจีนที่ถูกทางการควบคุมอย่างเข้มงวด เคยนำเสนอข่าวอันตรายของไวรัสโควิดและบรรยากาศความโกลาหลในต่างแดน แต่วันนี้กลับเปลี่ยนท่าทีไปมากเมื่อประเทศเริ่มขยับออกจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จากที่เคยใช้กลยุทธ์ล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง บังคับกักตัวในศูนย์กักตัวกลาง และตรวหาเชื้อโควิดจากประชากรหลายล้านคน ตอนนี้รัฐบาลปักกิ่งลดการควบคุมหลังเจอการประท้วงทั่วประเทศ เรียกร้องให้ยกเลิกล็อกดาวน์และปฏิรูปการเมือง

การเปลี่ยนแปลงนโยบายมาพร้อมกับการสื่อสารเรื่องโควิดที่เปลี่ยนไปมากทั้งจากสื่อรัฐและแถลงการณ์ทางการ ที่ตอนนี้ลดเรื่องความเสี่ยงจากไวรัสแล้วหันไปกล่าวโทษทางการท้องถิ่นที่ล็อกดาวน์หนักเกินไป

จง ยู่เถียน อาจารย์แพทย์ในกว่างโจวเขียนบทความตีพิมพ์ในไชนายูธเดลีของพรรคคอมมิวนิสต์ “สายพันธุ์โอมิครอนไม่เหมือนกับสายพันธุ์เดลตาเมื่อปีก่อน หลังจากติดเชื้อโอมิครอน ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีเพียงเล็กน้อย น้อยคนมากๆ ที่จะมีอาการรุนแรง เรื่องนี้เรารู้กันดีอยู่แล้ว” ผู้เขียนสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนอ่าน

รายงานชิ้นหนึ่งในปักกิ่งยูธเดลี อ้างปากคำผู้ป่วยที่หายจากโควิดบอกกับผู้อ่าน “อย่ากลัวจนเกินเหตุ แต่ก็ต้องมีมาตรการป้องกันไวรัสด้วย”

บทวิเคราะห์ในหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลีของทางการจีน ฉบับวันศุกร์ (2 ธ.ค.) อ้างปากคำผู้เชี่ยวชาญสนับสนุนท่าทีรัฐบาลท้องถิ่นอนุญาตให้ผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน ซึ่งเป็นหมุดหมายการออกจากกฎระเบียบปัจจุบัน

“การโฆษณาชวนเชื่ออย่างเป็นทางการแบบนี้ กำลังเตรียมประชาชนให้พร้อมรับการผ่อนคลายมากขึ้น และเปิดความเป็นไปได้บางส่วนให้รัฐบาลหาทางออกจากโควิดเป็นศูนย์” วิลลี หล่ำ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองจีนในฮ่องกงกล่าวกับเอเอฟพี

เจ้าหน้าที่ต้องโดนลงโทษ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังวางรากฐานเพื่อผ่อนคลายระเบียบคุมโควิด และหาแพะรับบาปไว้กล่าวโทษที่ควบคุมเกินกว่าเหตุ

องค์กรรับมือโควิดระดับสูงสุดของจีนชี้นิ้วไปที่ทางการท้องถิ่นที่ใช้มาตรการรุนแรง เรียกร้องในคอลัมน์ถามตอบของหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลีฉบับวันเสาร์ว่า “คนเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ”

หล่ำเผยว่า จะมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถูกลงโทษจำนวนมาก อย่างกรณีหนึ่งเมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับตำบลในมณฑลหูหนานถูกไล่ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์และถูกปลดออกจากตำแหน่ง โทษฐานทำร้ายชาวบ้านระหว่างพิพาทกันเรื่องล็อกดาวน์

บริษัทตรวจโควิดกำลังกลายเป็นแพะรับบาปด้วยเช่นกัน ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาสื่อรัฐรายงานข่าวข้อกล่าวหาบริษัทละเมิดระเบียบ

“บริษัทตรวจกรดนิวคลิอิกจะเป็นรายแรกที่สังเวยให้รัฐบาล” จิง เจ้า บล็อกเกอร์การเมืองจีนทวีตภายใต้นามปากกา ไมเคิล แอนไท

“การจับผู้บริหารบริษัทเหล่านี้แก้ได้สองปัญหา: ประชาชนต้องการหาแพะรับบาปอยู่แล้ว (ข้อเท็จจริงที่ว่า) เลิกตรวจกรดนิวคลิอิกแล้วเปลี่ยนไปตรวจแอนติเจนที่อ่อนไหวน้อยกว่าสอดรับกับโอมิครอน และสามารถลดแรงกดดันการควบคุมโควิดได้บ้าง”

ไม้นวม-ไม้แข็ง

และเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของรัฐที่เริ่มใช้ไปแล้วคือการวาดภาพว่า การเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลจีนห่วงใยประชาชน

รัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศกล่าวในสัปดาห์นี้ว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้ออีกแล้ว อนุญาตให้ประชาชนรวมทั้งผู้สูงอายุและคนที่ไม่เคยออกจากบ้านไม่ต้องตรวจโควิด ถือเป็นการออกจากนโยบายปัจจุบันเล็กน้อย แต่ถูกตอกย้ำในสื่อรัฐ

สำนักข่าวซินหัวอธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ “การตอบสนองของรัฐบาลต่อเสียงเรียกร้องของประชาชน”

ไดอานา ฟู อาจารย์รัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยโตรอนโต กล่าวกับเอเอฟพีว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนรู้ดีว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นเสาหลักความชอบธรรมของตน พรรคให้คำมั่นจัดหามาตรฐานชีวิตขั้นพื้นฐานให้ประชาชน การลดท่าทีเรื่องโควิดเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่พรรคคอมมิวนิสต์ใช้มาตลอดในการตอบสนองการประท้วง “ด้วยการผสมผสานระหว่างไม้นวมกับไม้แข็ง”

“เมื่อหน่วยงานด้านความมั่นคงเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อปราบปรามผู้ประท้วง รัฐบาลท้องถิ่นก็ได้รับความยินยอมให้ผ่อนคลายข้อจำกัดคุมโควิดเพื่อผ่อนแรงกดดัน” นักวิชาการรายนี้สรุป