"จีน" ส่งสัญญาณเลิกคุมโควิด หลังเจอ ปชช. ประท้วงใหญ่

"จีน" ส่งสัญญาณเลิกคุมโควิด หลังเจอ ปชช. ประท้วงใหญ่

"ทางการจีน" ส่งสัญญาณเปลี่ยนจุดยืนด้านโควิด-19 หลังเคลื่อนไหวคลายบังคับใช้มาตรการสกัดโรคบางส่วน แม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันสูง โดยพื้นที่หลายสิบเขตในนครเซี่ยงไฮ้ และเมืองกว่างโจวหลุดพ้นมาตรการล็อกดาวน์แล้วในวันนี้ (1 ธ.ค.) แม้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน นางซุน ชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ก็ออกมาประกาศว่า จีนกำลังเผชิญกับ “สถานการณ์ใหม่” หลังจากที่ประชาชนจำนวนมากพร้อมใจกันออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านนโยบายซีโร่โควิดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้สั่งยกเลิกมาตรการจำกัดโควิด-19 ตามเมืองใหญ่ต่างๆ แบบฉับพลันเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) เช่น เมืองกว่างโจว เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุประท้วงรุนแรงที่ลุกลามบานปลาย จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ประท้วง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กรุงปักกิ่งอนุญาตให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงกักตัวที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แทนการเข้ารับการรักษาในศูนย์กักตัวที่รัฐบาลจัดสรรเอาไว้

ส่วนในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองฉงชิ่ง ก็ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดเช่นเดียวกัน หลังนางซุน ออกมาระบุว่า ความสามารถของโควิด-19 ในการก่อให้เกิดโรคนั้นลดน้อยลงแล้ว

"จีนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ และความท้าทายใหม่ในการป้องกัน และควบคุมโรค หลังความสามารถในการก่อโรคของไวรัสโอมิครอนนั้นลดน้อยลง โดยประชาชนฉีดวัคซีนกันมากขึ้น และประสบการณ์ในการควบคุมไวรัสชนิดดังกล่าวก็เพิ่มขึ้น" นางซุน กล่าว

"เราเชื่อว่าถ้อยแถลงของนางซุน และการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด-19 ในกว่างโจวเมื่อวันพุธ ส่งสัญญาณสำคัญว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์จะสิ้นสุดลงภายในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า" นายถิง ลู่ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีน และคณะทำงานของบริษัทโนมูระ กล่าวในวันนี้ (1 ธ.ค.)

"อย่างไรก็ตาม จีนอาจจะไม่ผ่อนปรนมาตรการจำกัด และล็อกดาวน์อย่างแท้จริงก่อนถึงเดือนมี.ค. 2566 เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น และภาวะติดขัดที่ส่อเค้าทวีความรุนแรง เนื่องจากปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ของจีนยังคงมองว่า ไวรัสโอมิครอนมีอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะในพื้นที่ด้อยพัฒนา"

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์