‘จีน’ ผู้นำแบตเตอรีลิเทียม อาจโดนแย่งซัพพลายเชนในอนาคต

‘จีน’ ผู้นำแบตเตอรีลิเทียม อาจโดนแย่งซัพพลายเชนในอนาคต

ไซมอน คลาร์ก ซีอีโอ บริษัทอเมริกันลิเทียมได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ถึงบทบาทของจีนเกี่ยวกับแร่ลิเทียมว่า จีนเป็นผู้นำการผลิตแร่ลิเทียม และบริษัททั่วโลกยังตามจีนไม่ทัน แต่จีนอาจเจอปัญหาแย่งซัพพลายเชนในอนาคต

“เราควรนับถือความสำเร็จของจีน พวกเขาทำได้ดีมาก หลายสิบปีมานี้ จีนกำลังมองหาสินทรัพย์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก และนำมาต่อยอดในธุรกิจ พัฒนาความรู้การสร้างเทคโนโลยีลิเทียมไอออน โดยทำทุกอย่างที่เองตั้งแต่การผลิตจนถึงจำหน่าย แต่อเมริกายังช้ากว่ามาก” คลาร์กกล่าว และเสริมว่า ร่างกฎหมายลดเงินเฟ้อของสหรัฐและมาตรการต่าง ๆ มากมายของประธานาธิบดีโจไบเดน เพิ่งทำให้ผู้คนเริ่มตื่นตัว

นอกจากนี้ รายงานภาพรวมพลังงานโลกปี 2565 จากองค์กรพลังงานระหว่างประเทศระบุว่า ประเทศจีนเป็นแหล่งซัพพลายลิเทียมเคมีมากถึง 60% ของโลก และ 3 ใน 4 ของการผลิตเป็นแบตเตอรีลิเทียมไอออน

ด้านเออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอินประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เคยกล่าวว่า ลิเทียมและแร่หายากอาจเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ นอกจากแร่ลิเทียมจะนำไปผลิตโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทันสมัย ลิเทียมยังได้ขนานนามว่าเป็น ‘ทองคำขาว’ ที่สำคัญในการผลิตแบตเตอรีของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย ซึ่งตอนนี้จีนคือผู้นำในภาคการผลิตแบตเตอรีแล้ว

ในอนาคต คลาร์กคาดว่า การแข่งขันด้านภูมิรัฐศาสตร์จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมลิเทียม “ตอนนี้โลกเริ่มมีความคิดที่จะแย่งซัพพลายเชนจากจีนขึ้นมาแล้ว และคาดว่าบทบาทจีนในการเป็นผู้นำแร่ลิเทียมนั้นจะยากลำบากมากขึ้น” คลาร์กกล่าวเสริม