เปิด 3 หลังบ้านผู้นำเอเปค

เปิด 3 หลังบ้านผู้นำเอเปค

การประชุมผู้นำความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แม้ความสำคัญจะอยู่ที่ผู้นำซึ่งเป็นผู้ดำเนินนโยบาย แต่หลังบ้านที่ติดตามมาเยือนประเทศไทยด้วยก็สร้างสีสันได้ไม่น้อย และหลายคู่มีประวัติชีวิตรักที่น่าสนใจ

‘เผิง ลี่หยวน’ อาวุธลับ‘สี จิ้นผิง’ 

เปิด 3 หลังบ้านผู้นำเอเปค

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การประชุมผู้นำเอเปคคราวนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนโดดเด่นจริงๆ ส่งผลให้ เผิง ลี่หยวน ภริยาถูกจับตาไปด้วย

หลังจากสีได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 2555และเป็นประธานาธิบดีจีนในปีถัดไป เผิงกลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของจีนนับตั้งแต่นั้น เว็บไซต์เอบีซีรายงานว่า เผิงสนุกสนานกับการออกสื่อแตกต่างจากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมประชุมนานาชาติหรือเดินทางร่วมกับสามีไปเยือนประเทศโน้นประเทศนี้ ปรากฏตัวและแสดงสุนทรพจน์ในเวทียูเอ็นและงานการกุศลระดับโลก ทั้งยังเป็นพลังผลักดันสำคัญให้สามีได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจีน 1,400 ล้านคน ที่ตอนนี้ปูทางให้เขาอยู่ในอำนาจเป็นวาระที่ 3 ด้วย

ก่อนที่สีจะเป็นประธานาธิบดี เผิงเป็นนักร้องโด่งดังที่สุดคนหนึ่งของจีน ดังกว่าสามีมาก เผิงเกิดเมื่อปี 2505 ในครอบครัวศิลปินมณฑลชานตง มารดาเป็นนักแสดงงิ้วชื่อดัง

ปี 2527 เผิงเข้าร่วมวงดนตรีกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) แหล่งรวมศิลปินและนักดนตรีตัวท็อปของประเทศ เพราะมีทรัพยากรมหาศาลและมีโอกาสทางด้านการแสดง

หน้าที่การงานของเผิงก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ เป็นนายพลในกองทัพเมื่อปี 2552 ตอนที่เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเธอเป็นคณบดีสถาบันศิลปะ พีแอลเอ

นอกจากแสดงให้กองทัพและพิธีการสำคัญแล้ว เผิงยังปรากฏตัวในงานส่งท้ายปีเก่าบ่อยครั้ง งานถ่ายทอดโทรทัศน์ที่คนดูมากที่สุดในประเทศ เผิงเดินสายไปทั่วประเทศจีน ไม่ว่าไปไหนคนมาดูเธอมหาศาล

ไม่เพียงเท่านั้น เผิงไม่กลัวที่จะมาข้องเกี่ยวกับการเมืองด้วยการเป็นผู้นำโครงการรณรงค์เพิ่มความตระหนักรู้เรื่องเอดส์และเอชไอวีในหมู่ประชาชนจีน

“เสน่ห์และบารมีของเผิง เรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชนได้มาก” จอร์จ กั๊วะ อาจารย์ด้านการเมืองจีนจากวิทยาลัยกิลฟอร์ดกล่าวและว่า ความนิยมของเผิงในกองทัพส่งผลสำคัญต่อหน้าที่การงานของสี โดยเฉพาะตอนเขาร่วมเป็นผู้นำกองทัพกลางในปี 2553

‘ลิซา มาร์กอส’ ที่ปรึกษามาร์กอส จูเนียร์

  เปิด 3 หลังบ้านผู้นำเอเปค

การหวนคืนสู่ทำเนียบมาลากันยังอีกครั้งของตระกูลมาร์กอส ด้วยฝีมือเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ (บองบอง) ลูกชายคนเดียวของผู้นำเผด็จการผู้ล่วงลับแห่งฟิลิปปินส์ ทำให้หลายคนจับตามองเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย โดยเฉพาะบทบาทของหลังบ้านที่ “อิเมลดา” เคยสร้างชื่อกระฉ่อนโลกมาแล้ว แต่สำหรับ ลูอิส อรานิตา มาร์กอส หรือ ลิซา บทบาทของเธอแตกต่างออกไป 

ลิซา ทนายความวัย 62 ปี ไม่ใช่คนชอบออกสื่อ ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ แต่ว่ากันว่าลิซาคือคนออกแบบการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของสามี โดยลดบทบาทอิเมลดา มารดาผู้ทรงอิทธิพล และไอมี พี่สาว ผู้ดำรงตำแหน่งส.ว.ลง

ลิซามาจากครอบครัวชนชั้นนำเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่ต่อต้านเผด็จการมาร์กอส และมีส่วนยุติการปกครองอันโหดร้าย และทุจริตยาวนาน 20 ปีของเขา อิเมลดาเองไม่ค่อยชอบเธอ ครอบครัวของลิซาก็ไม่ชอบมาร์กอส จูเนียร์เพราะเขาคือศัตรู

บทความชิ้นหนึ่งบนเว็บไซต์ข่าวธุรกิจออนไลน์ Bilyonaryo.com ระบุ“อิเมลดา และไอมีรู้สึกว่าบองบองกำลังแต่งงานกับคนที่ต่ำกว่าตนเอง เพราะลิซามาจากตระกูลอรานิตาสายจน” แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าหัวใจของหนุ่มสาว ตอนเยือนนิวยอร์กเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมาร์กอสเผยกับชุมชนชาวฟิลิปปินส์ถึงความสำคัญของเมืองนี้ ที่ทำให้ทั้งคู่พบกันเมื่อปี 2529 ช่วงที่ฝ่ายหญิงทำงานเป็นทนายความ

“ลิซาเป็นทนายความมาได้ 6 หรือ 7 ปีแล้ว ส่วนผมไปๆ มาๆ ที่นี่ และทุกครั้งที่ผมมา ที่นี่เองที่เราได้สานต่อความรัก ผมได้แต่งงานกับคนฟิลิปปินส์ เราพบกันที่นิวยอร์ก”

สำหรับฝ่ายหญิง มาร์กอสคือคนใจดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เธอเคยเจอ แม้ครอบครัวถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตและละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่มาร์กอสคือคนที่มองคนอื่นในแง่ดีตลอด 

ดั๊ก เอ็มฮอฟฟ์ สุภาพบุรุษหมายเลขสองแห่งสหรัฐ

เปิด 3 หลังบ้านผู้นำเอเปค

ในฐานะสุภาพบุรุษหมายเลขสอง ดั๊ก เอ็มฮอฟฟ์ สามีรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ทำงานแบ่งเบาภาระของรัฐบาล “ไบเดน-แฮร์ริส” ได้มาก ปีแรกที่ภรรยารับตำแหน่ง เอ็มฮอฟฟ์เดินทางไปหลายสิบรัฐและอีกสองประเทศ พบปะกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรด่านหน้า ผู้ปกครอง ครู ผู้ดูแลคนชรา ผู้นำชุมชน ที่ปรึกษากฎหมาย เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กทั้งในเมืองและเขตชนบท ชุมชนคนผิวสี ชนเผ่า เพื่อรับฟังเรื่องราวของพวกเขานำมาเล่าสู่กับรัฐบาลให้ความช่วยเหลือต่อไป 

สิ่งที่สุภาพบุรุษหมายเลขสองให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ กระตุ้นให้ผู้คนปกป้องตนเองและชุมชนด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เจ้าตัวถึงขนาดลงพื้นที่ศูนย์ฉีดวัคซีนที่โบสถ์ ศูนย์บริการสาธารณสุขชุมชน โรงเรียน สนามกีฬา กระทั่งร้านตัดผมเพื่อสร้างจิตสำนึกประชาชนให้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน

ก่อนสมรสกับแฮร์ริส เอ็มฮอฟฟ์เป็นพ่อหม้ายลูกสอง ทั้งคู่พบกันด้วยการนัดบอดที่เพื่อนของฝ่ายหญิงจัดให้ ขณะนั้นแฮร์ริสเป็นอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย เอ็มฮอฟฟ์ยอมรับว่า การพบกับแฮร์ริสคือ “รักแรกพบ” ไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากนั้นเอ็มฮอฟฟ์ก็ขอแต่งงานภายใต้ช่วงเวลาที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย เมื่อสาวเจ้ากำลังตัดสินใจว่าจะรับประทานไก่หรือผัดไทยกุ้งสดดี ทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 22 ส.ค.2557

ปี 2559 แฮร์ริสชนะเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาโดยมีสามีร่วมให้กำลังใจตลอดการหาเสียง ม.ค.ปีถัดมาเขานี่เองที่ถือคัมภีร์ไบเบิล ระหว่างที่ภรรยาสาบานตนรับตำแหน่ง ส.ว.

ม.ค.2562 แฮร์ริสเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดี เอ็มฮอฟฟ์อยู่เคียงข้างเธอ เขาเผยกับนิตยสารแมร์รีแคลร์ “ผมไม่ได้การเมืองจ๋า ผมเป็นสามีจ๋า”

พ.ย.2563 เมื่อโจ ไบเดน ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี เอ็มฮอฟฟ์ลาออกจากบริษัททนายความเพื่อทำหน้าที่สุภาพบุรุษหมายเลขสองอย่างเต็มที่