ถอดรหัสจีนผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-ลดวันกักตัว เพื่อใคร?

ถอดรหัสจีนผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-ลดวันกักตัว เพื่อใคร?

ปรับตัวแทบไม่ทันกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน เมื่อวานยังประกาศว่าไม่ยกเลิกอยู่เลย มาถึงวันนี้กลับประกาศผ่อนคลายบางส่วน จนชวนให้สงสัยว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลัง

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน หลังจากผู้นำจีนลั่นวาจาเมื่อวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) “ไม่ยกเลิก” นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ล่าสุดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) แถลงว่า คณะกรรมการถาวรโปลิตบูโร องค์กรทรงอำนาจสูงสุดของจีน ประชุมกันในวันพฤหัสบดี เห็นชอบผ่อนคลายข้อจำกัดคุมโควิดบางอย่าง

ผ่อนคลายอะไรบ้าง

*ลดการกักตัวนักเดินทางขาเข้าจาก 10 วันเหลือ 8 วัน ซึ่งประกอบด้วยกักตัวในศูนย์ของรัฐ 5 วัน และกักตัวที่บ้านอีก 3 วัน โดยทั้ง 8 วันนี้ นักเดินทางขาเข้าต้องตรวจกรดนิวคลิอิก 6 ครั้ง และไม่สามารถออกไปข้างนอกได้

*ลดจำนวนการแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนขึ้นเครื่องบินมาจีน จาก 2 ครั้งเหลือ 1 ครั้ง

*“บุคลากรทางธุรกิจสำคัญ” และ “กลุ่มกีฬา” อยู่ในกลุ่มได้สิทธิพิเศษไม่ต้องกักตัวตราบใดที่พวกเขาอยู่ในระบบปิดตลอดช่วงที่พำนัก

*ยกเลิกกลไก  “เซอร์กิตเบรกเกอร์” บนเที่ยวบินขาเข้า   สิ้นสุดนโยบายปิดเส้นทางบินทันทีหากผู้โดยสารตรวจพบโควิดในสัดส่วนมากพอสมควร

*ยกเลิกข้อกำหนดให้ระบุ และกักตัว “ผู้สัมผัสใกล้ชิดระดับสอง” หรือผู้ที่อาจสัมผัสคนที่เพิ่งเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อ

*ระบบความเสี่ยงโควิดในประเทศลดจากสามระดับเหลือสองระดับ แบ่งพื้นที่เป็น “ความเสี่ยงสูง” จำต้องถูกควบคุม กับ “ความเสี่ยงต่ำ” มีข้อจำกัดเพียงเล็กน้อย

*ประชาชนเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงสูงไปยังพื้นที่เสี่ยงต่ำจำเป็นต้องกักตัวที่บ้าน 7 วัน ไม่ต้องไปที่ศูนย์กักตัวกลางอีกแล้ว

*พื้นที่เสี่ยงต่ำคือ ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เลยเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน

*คนทำงานในสภาพที่มีโอกาสสัมผัสโควิดได้มากกว่า เช่น ลูกเรือ เจ้าหน้าที่สนามบิน และพนักงานโรงแรมกักตัว จะถูกกักตัวสั้นลง

ข้อน่าสังเกต

เมื่อวันพฤหัสบดี สื่อทางการจีนรายงาน ผู้นำจีนกล่าวว่า จะไม่ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ สะท้อนคำมั่นที่ให้ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ว่า ทางการจีนยึดมั่นในนโยบายนี้ไม่เสื่อมคลาย การเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วชวนให้คิดว่าอะไรเป็นปัจจัยผลักดันสำคัญ การเดินทางออกนอกประเทศของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีส่วนด้วยหรือไม่ เพราะหลังจากนี้ สีมีกำหนดไปประชุมผู้นำG20 ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ตามด้วยการประชุมผู้นำเอเปคที่กรุงเทพฯ 

หลายคนคงจะจำได้ว่า เมื่อกลางเดือนก.ย. หนึ่งเดือนก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ สีเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในรอบกว่าสองปีนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ด้วยการไปเยือนคาซัคสถานและประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ที่อุซเบกิสถาน เมื่อกลับมาถึงจีนในฐานะผู้นำประธานาธิบดี สี ก็ต้องกักตัวให้ประชาชนดูเป็นตัวอย่าง ผลของการหายหน้าหายตาไปของสี จึงทำให้เกิดข่าวลือว่อนมาถึงเมืองไทยว่า สี จิ้นผิง ถูกรัฐประหารไปแล้ว!!! จนผู้เชี่ยวชาญด้านจีนในไทยต้องออกมาแก้ข่าวกันยกใหญ่ 

สำหรับคำสั่งที่เปลี่ยนแปลงไปล่าสุดของเอ็นเอชซี จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เป็นการแก้ไขกฎระเบียบรองรับการไปเยือนต่างประเทศของสีหรือไม่ ป้องกันไม่ให้เกิดข่าวลือวุ่นวายอย่างคราวก่อนอีก 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านจีนรายหนึ่งมองว่า น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยเหลือฮ่องกงและเขตเศรษฐกิจพิเศษมากกว่า เพราะตอนนี้นักลงทุนขยาดหนีกันไปเกือบหมดแล้ว คำตอบแบบนี้ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะระยะหลังมีข่าวหนาหูว่า บริษัทใหญ่หลายแห่งเริ่มสร้างความหลากหลายให้กับซัพพลายเชน เลิกพึ่งพาจีนอย่างเดียว เพราะนโยบายโควิดเป็นศูนย์พิสูจน์แล้วว่า โหดเหลือเกิน!!!

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์