แสนยานุภาพกองทัพจีน 10 ปี ภายใต้สี จิ้นผิง

แสนยานุภาพกองทัพจีน  10 ปี ภายใต้สี จิ้นผิง

ระหว่างการปกครองยาวนานหนึ่งทศวรรษของสี จิ้นผิง จีนสร้างกองทัพเรือใหญ่ที่สุดในโลก ปรับปรุงกองทัพบกใหญ่สุดของโลก มีคลังแสงนิวเคลียร์ และขีปนาวุธมหาศาลชนิดที่ศัตรูต้องครั่นคร้าม จนเพื่อนบ้านจีนตอนนี้ต้องเร่งเสริมทัพเช่นกัน ดังนั้นวาระการดำรงตำแหน่งอีกห้าปีต่อไปของสี เป็นไปได้ที่จะเห็นการแข่งขันด้านอาวุธในเอเชีย-แปซิฟิก รวดเร็วยิ่งขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นกับกองทัพในภูมิภาคนี้มีตั้งแต่การพัฒนากองทัพเรือที่สามารถดำรงการปฏิบัติการข้ามมหาสมุทรได้เป็นระยะเวลายาวนานของเกาหลีใต้ ที่เรียกกันว่า บลูวอเตอร์ ไปจนถึงออสเตรเลียกำลังซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ เห็นได้ว่าการชอปปิงอาวุธเพิ่มขึ้นมากทั่วภูมิภาค

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน ตัวเลขจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในกรุงลอนดอน พบว่า เฉพาะปี 2564 ปีเดียว ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกใช้งบกลาโหมเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์

จีน ฟิลิปปินส์ และเวียดนามเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมราวสองเท่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ส่วนเกาหลีใต้ อินเดีย และปากีสถานก็ไม่ห่างกันนัก

แม้แต่ญี่ปุ่นก็กำลังเสนองบประมาณป้องกันประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และใกล้สิ้นสุดนโยบาย “ไม่โจมตีก่อน” ที่ใช้มานานเต็มที อ้างว่า สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงรุนแรงยิ่งขึ้น

“ผู้เล่นทุกคนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกกำลังมีปฏิกิริยากับการปรับกองทัพให้ทันสมัยของจีน เบื้องต้นคือ ทำให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาทำได้” มัลคอล์ม เดวิส อดีตเจ้าหน้าที่กลาโหมออสเตรเลีย ปัจจุบันอยู่ที่สถาบันยุทธศาสตร์นโยบายออสเตรเลียกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

 

ไม่ใช่เสือกระดาษอีกแล้ว

หลายปีมาแล้วที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) ถูกมองว่า มีอาวุธล้าสมัยไร้ประสิทธิภาพ นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งถึงกับดูหมิ่นว่าเป็น “พิพิธภัณฑ์ทหารใหญ่สุดของโลก” เพราะใช้อาวุธเก่าของโซเวียต กองทัพเต็มไปด้วยการทุจริต ทหารราบมีประวัติการรบกับต่างชาติย่ำแย่

ตอนที่พีแอลเอร่วมรบในสงครามเกาหลีคร่าชีวิตทหารจีนไปเกือบ 200,000 นาย ตอนรุกรานเวียดนามในปี 1979 เสียทหารไปอีกหลายหมื่นนาย เรื่องราวเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกลบเลือนไปจากประวัติศาสตร์ทางการ ตอนที่สีขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการพีแอลเอในปี 2556 การปฏิรูปบางอย่างอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ตอนที่เจียง เจ๋อหมิน ตกใจ และครั่นคร้ามกับปฏิบัติการอันห้าวหาญของกองทัพสหรัฐช่วงสงครามอ่าวและวิกฤติช่องแคบไต้หวัน ครั้งที่ 3

แต่ “มันไม่ได้เป็นจริงจนกระทั่งสี จิ้นผิง ก้าวเข้ามาแล้วเริ่มเปลี่ยนความพยายามนั้นให้เป็นขีดความสามารถ” อเล็กซานเดอร์ นีล ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์กล่าวกับเอเอฟพี

จากนั้นพีแอลเอเปิดตัว “เหลียวหนิง” เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรก ดัดแปลงจากเรือยูเครน และเครื่องบินรบอเนกประสงค์ J-15 จากต้นแบบซุคฮอย

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสต็อกโฮล์ม (SIPRI) เผยว่า ตอนนี้งบประมาณทหารของรัฐบาลปักกิ่งเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 27 ติดต่อกัน

คู่แข่งขันเพียงรายเดียว

วันนี้ จีนอวดเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการสองลำ ขีปนาวุธพิสัยกลาง และไกลหลายร้อยลูก เครื่องบินรบหลายพันลำ และกองทัพเรือแซงหน้าสหรัฐได้แล้ว

หลังจากจีนปิดล้อมไต้หวันบางส่วนไว้ครู่หนึ่งเมื่อเดือนส.ค. เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐยอมรับกลายๆ ว่า การป้องกันไม่ให้เกิดการปิดล้อมจริงไม่ง่ายเลยแม้กระทั่งสำหรับวอชิงตัน

“พวกเขามีกองทัพเรือใหญ่มาก และถ้าต้องการข่มขู่ และส่งเรือไปรอบไต้หวันก็สามารถทำได้แน่นอน” คาร์ล โธมัส ผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 เผยกับสื่อสหรัฐ

ขณะเดียวกันคลังแสงนิวเคลียร์จีนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างทบเท่าทวีคูณ และตามข้อมูลของเพนตากอน เผลอๆ ตอนนี้จีนอาจมีนิวเคลียร์ปล่อยยิงได้ทั้งจากบนบก ทางเรือ และทางอากาศ เช่นเดียวกับนิวเคลียร์สามประสานของสหรัฐ

รายงานจากองค์กรไม่แสวงหากำไร Bulletin of the Atomic Scientists ระบุ จีนมีหัวรบนิวเคลียร์ราว 350 ลูก สองเท่าจากที่เคยมียุคสงครามเย็น

ข่าวกรองสหรัฐคาดการณ์ว่า คลังแสงนี้อาจเพิ่มขึ้นสองเท่าอีกครั้งไปอยู่ที่ 700 ลูกภายในปี 2027 ตอนนี้จีนกำลังก่อสร้างไซโลขีปนาวุธนิวเคลียร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

วอชิงตันเองก็ยอมรับตรงๆ ถึงขนาดของแสนยานุภาพ และความใฝ่ฝันของสาธารณรัฐประชาชนจีน

“สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นคู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถผสานอำนาจทางเศรษฐกิจ การทูต กองทัพ และเทคโนโลยี สั่งสมความท้าทายต่อเนื่องต่อระบบระหว่างประเทศที่เสถียร และเปิดกว้าง ปักกิ่งพยายามปรับระเบียบระหว่างประเทศเสียใหม่ ให้สอดรับกับระบบอำนาจนิยม และผลประโยชน์แห่งชาติตนได้ดีขึ้น”

 

ตัวช่วยจาก ‘สี จิ้นผิง’

ยิ่งจีนมีอาวุธมาก เพื่อนบ้านก็ยิ่งสะเทือนขวัญ โครงการทางทหารงบประมาณสูงหลายโครงการในภูมิภาคล้วนเป็นไปด้วยความคิดป้องปราม

เกาหลีใต้วางแผนพัฒนาขีดความสามารถกองทัพเรือให้ปฏิบัติการได้ไกลจากน่านน้ำชายฝั่ง ที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแทบไม่ได้แก้ไขภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือที่ติดอาวุธอย่างรวดเร็วเลย

ออสเตรเลียวางแผนซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์แปดลำ ที่สามารถอยู่ใต้น้ำได้นานขึ้น และเปิดการโจมตีตอบโต้ได้ โครงการนี้ได้ความช่วยเหลือจากอังกฤษ และสหรัฐส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่เรียกว่า AUKUS

นอกจากนี้ยังมีการหารือกันในแคนเบอร์ราเรื่องการซื้ออาวุธไฮเปอร์โซนิก ขีปนาวุธพิสัยไกลขึ้น และเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนล้ำยุค B-21 ที่สามารถโจมตีจากที่ใดก็ได้ในโลกไม่มีใครตรวจจับได้

สำหรับเดวิส โครงการทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นความจริงที่ว่า จีนกำลังมีอำนาจมากขึ้นในการกำหนดเอเชีย-แปซิฟิกให้เป็นไปอย่างที่จีนประสงค์

“วันเวลาที่กองทัพเรือสหรัฐครอบงำน่านน้ำในแปซิฟิกตะวันตกใกล้สิ้นสุดแล้ว” เขากล่าวและว่า ด้วยเหตุนี้พันธมิตรเอเชีย-แปซิฟิกจึงกำลังเพิ่มการป้องกันตนเอง

“เราคงไม่มี AUKUS ถ้าไม่มีสี จิ้นผิง เขาเป็นตัวช่วยอย่างมากในแง่นี้” เดวิส สรุป

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์