ทำไม?อินเดียมีประชาธิปไตยแต่จน & จีนเป็นเผด็จการแต่รวย

ทำไม?อินเดียมีประชาธิปไตยแต่จน & จีนเป็นเผด็จการแต่รวย

หลายคนสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมประเทศอินเดียที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลับยากจนเหลือเกิน ในขณะที่จีนซึ่งถือเป็นประเทศเผด็จการ กลับร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่เมื่อก่อนก็จนเหมือนอินเดีย

ในจินตนาการของคนเราเชื่อว่าประชาธิปไตยจะทำให้เกิดความเท่าเทียม ความโปร่งใส ทำให้ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนได้รับการพัฒนามากขึ้น

ในทางตรงกันข้ามถ้าประเทศมีเผด็จการทรราช ก็จะทำให้ประชาชนยากไร้ เพราะทรัพยากรต่างๆ ถูกกักเก็บไว้ที่ชนชั้นนำเป็นสำคัญ แต่ทำไมกรณีอินเดียและจีนจึงแตกต่างกันอย่างชัดเจน หรือว่าเผด็จการจะดีกว่าประชาธิปไตยกันแน่

การวัดความเป็นประชาธิปไตยมากหรือน้อยอาจจะเกิดความสับสนขึ้นได้ เพราะประชาธิปไตยก็แล้วแต่การตีความ จีนและประเทศสังคมนิยมทั้งหลายก็ถือตนเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่เป็นประชาธิปไตยรวมศูนย์หรือเป็นเผด็จการของชนชั้นกรรมาชีพ ที่ตามทฤษฎีถือเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

ในขณะที่อินเดียที่ว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น จะเป็นแต่ในนามหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป ดังนั้น การวัดความเป็นประชาธิปไตยอาจจะยาก ในที่นี้จึงใช้ตัววัดประชาธิปไตยที่ความโปร่งใส

อันที่จริงสามัญสำนึกของคนเรานั้นถูกต้องแล้ว ประเทศที่มีประชาธิปไตยต่ำแสดงออกด้วยความโปร่งใสน้อยก็มักมีรายได้น้อย เช่น (เรียงตามลำดับอักษร) กัมพูชา กินี กินี-บิสเซา ชาด ซิมบับเว ซูดาน ซูดานใต้ โซมาเลีย นิการากัว ไนจีเรีย

ทำไม?อินเดียมีประชาธิปไตยแต่จน & จีนเป็นเผด็จการแต่รวย

บังกลาเทศ ปากีสถาน เมียนมา ยูกันดา เยเมน อัฟกานิสถาน ฮอนดูรัส และไฮติ เป็นต้น ประเทศเหล่านี้ทั้งจนและไม่เป็นประชาธิปไตย (ขาดความโปร่งใส)

ในทางตรงกันข้ามประเทศที่โปร่งใส ซึ่งถือว่ามีประชาธิปไตยก็มักเป็นประเทศที่ร่ำรวย มีรายได้ประชาชาติต่อหัวสูง เช่น (เรียงตามลำดับอักษร) เกาหลีใต้ แคนาดา ชิลี เซเชลส์ ญี่ปุ่น เดนมาร์ก ไต้หวัน นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม

โปรตุเกส ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ ยูเออี เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ออสเตรีย อังกฤษ และฮ่องกง เป็นต้น

แต่ก็มีบางประเทศที่มีความโปร่งใสน้อยแต่มีรายได้สูงมาก เช่น กาตาร์ คาซัคสถาน คูเวต เติร์กเมนิสถาน ตุรกี บาห์เรน ปานามา เม็กซิโก รัสเซีย ลิเบีย เลบานอน เวเนซูเอลา อิรัก และอิหร่าน เป็นต้น

ทั้งนี้คงเป็นเพราะการผลิตน้ำมันขายหรืออื่นใด ส่วนบางประเทศก็มีความโปร่งใสสูง แต่รายได้ต่ำมาก ด้วยอาจเพราะเป็นประเทศที่มีทรัพยากรอันจำกัด เช่น กานา เซเนกัล โซโลมอนไอร์แลนด์ ติมอร์เลสเต มาลาวี รวันดา เลโซโท และ วานูอาตู เป็นต้น

ในการนี้ใช้การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงตัวแปรระหว่างความโปร่งใส (แสดงว่ามีประชาธิปไตยจริง) ซึ่งมาจาก Corruption Perception Index (CPI) ที่จัดทำขึ้นทุกปี กับรายได้ประชาชาติต่อหัว (ยิ่งสูงยิ่งรวย) จาก World Population Review เพื่อที่จะดูว่าตัวแปรทั้งสองตัวมีความสัมพันธ์กันในทางใดหรือไม่ 

ถ้าไม่มีความสัมพันธ์กันเลย ก็แสดงว่าทั้งสองตัวแปรนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ถ้ามีความสัมพันธ์จะเป็นในทางใด เป็นแบบยิ่งโปร่งใส ยิ่งรวย หรือแบบยิ่งโปร่งใส ยิ่งจน นั่นเอง

ทำไม?อินเดียมีประชาธิปไตยแต่จน & จีนเป็นเผด็จการแต่รวย

ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงตัวแปรนี้ใช้ตัวแปรทั้งสองจาก 121 ประเทศที่มีข้อมูลครบทั้งตัวแปรความโปร่งใสและตัวแปรรายได้ประชาชาติต่อหัว โดยเอาประเทศที่มีลักษณะผ่าเหล่าผ่ากอ (Outliers) ออก

เช่น ประเทศที่มีความโปร่งใสสูงแต่ยากจน กับประเทศที่ไม่ค่อยโปร่งใสแต่ร่ำรวย เช่น ประเทศส่งออกน้ำมัน ทั้งนี้เพื่อให้ข้อมูลที่วิเคราะห์ไม่มีความเบี่ยงเบนมากจนเกินไป

ผลการวิเคราะห์พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงตัวแปรที่ชัดเจนระหว่างตัวแปรทั้งสองในลักษณะที่ว่า ประเทศที่ยิ่งยากจนยิ่งมีความโปร่งใสต่ำ หรือประเทศที่มีความโปร่งใสต่ำมักยากจน

ส่วนประเทศที่มีความโปร่งใสสูงขึ้นเรื่อยๆ มักจะเป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวสูงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ร่ำรวย 30-40 อันดับแรกๆ นั้น มักมีความโปร่งใสมากเป็นพิเศษ

ทำไม?อินเดียมีประชาธิปไตยแต่จน & จีนเป็นเผด็จการแต่รวย

ทั้งนี้เป็นไปตามสูตรดังนี้ : รายได้ประชาชาติต่อหัว (y) = 3.8994* (ระดับความโปร่งใส (x) ยกกำลัง 2.2059)

เมื่อมาดูเฉพาะไทย จีน และอินเดีย จะพบว่าประเทศไทยมีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าอินเดียและจีน 6 เท่าและ 18 เท่า (ตามลำดับ) ส่วนประชากรไทยก็น้อย โดยทั้งอินเดียและจีนมีขนาดประชากรถึง 20 เท่าของไทย

ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงความหนาแน่นต่อตารางกิโลเมตร ไทยมีความหนาแน่นเพียง 136 คน อินเดีย 467 คน ส่วนจีน 151 คน

ด้านความโปร่งใสหรือความเป็นประชาธิปไตย ไทยต่ำสุดคือได้ 35 จาก 100 คะแนน อินเดียได้ 40 คะแนน และจีนได้สูงถึง 45 คะแนน จะว่าจีนไม่เป็นประชาธิปไตยเสียเลยก็คงไม่ได้

ทำไม?อินเดียมีประชาธิปไตยแต่จน & จีนเป็นเผด็จการแต่รวย

ในด้านรายได้ประชาชาติต่อหัว ไทยสูงสุดคือ 18,236 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี จีนก็ใกล้เคียงกันคือ 17,192 ดอลลาร์ ส่วนอินเดียต่ำสุดคือ 6,461 ดอลลาร์ ถ้าใช้สูตรคำนวณข้างต้นจะพบว่า

1.ไทยที่มีคะแนนความโปร่งใส 35 ควรมีรายได้ประชาชาติต่อหัวเพียง 8,947 ดอลลาร์ แต่ไทยกลับมีรายได้สูงกว่าถึง 1 เท่าตัว ทั้งนี้แม้ระบบการเมืองไทยจะไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ผลิตภาพของภาคเอกชนเข้มแข็งมาก

2.อินเดียน่าจะมีรายได้ 12,210 ดอลลาร์ คะแนนความโปร่งใส ซึ่งสูงกว่าความเป็นจริงที่ได้เพียง 6,461 ดอลลาร์ ทั้งนี้อินเดียมีประชากรมากแต่พื้นที่น้อย ทรัพยากรจึงอาจไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากร ทำให้ยากจนซ้ำซากมานาน อีกทั้งยังมีการแบ่งชนชั้นวรรณะอีกต่างหาก

3.มีเพียงจีนที่ตัวเลขออกมาใกล้เคียงกัน บางท่านอาจมองว่าจีนได้ดีเพราะระบบเผด็จการ แต่คงเป็นเพราะผลิตภาพที่สูงเด่นของภาคเอกชนต่างหาก

บางท่านอาจยังสงสัยว่าทั้งจีนและอินเดียต่างเคยเป็นประเทศยากจนมาด้วยกัน ระบบเผด็จการทำให้จีนรุ่งเรืองขึ้นหรือไม่ สังคมอินเดียที่ยากจนมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลที่มีขอทานมากมายอยู่แล้ว แต่ทั้งคนจีนและอินเดียก็ถูกส่งออกเป็นแรงงานไปหลายประเทศทั่วโลกทดแทนทาสผิวดำ

จีนรุ่งเรืองขึ้นมาเพราะการลงทุนจากต่างประเทศตั้งแต่เปิดประเทศเมื่อ 40 ปีก่อน เพราะมีแรงงานราคาสุดถูก จีนเป็นตลาดขนาดใหญ่ และที่สำคัญ จีนนำเทคโนโลยีของต่างประเทศมาพัฒนาต่อ จนหลายอย่างกลายเป็นเทคโนโลยีของจีนเอง 

ในทางตรงกันข้าม หลายประเทศเจริญขึ้นเพราะเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย เช่น เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เมียนมา (ก่อนรัฐประหารล่าสุด) ยุคเผด็จการคือยุคมืดที่ไม่มีการตรวจสอบและจบลงด้วยการโกงมหาศาลต่างหาก

ทำไม?อินเดียมีประชาธิปไตยแต่จน & จีนเป็นเผด็จการแต่รวย
คอลัมน์ : อสังหาริมทรัพย์ต่างแดน
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย 
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส