‘จาการ์ตา’ มาเยี่ยมมาเยือน ทริปแรกหลังโควิด

‘จาการ์ตา’ มาเยี่ยมมาเยือน   ทริปแรกหลังโควิด

“จาการ์ตา” ชื่อนี้มีความสำคัญในฐานะเมืองหลวงของอินโดนีเซีย ประเทศมุสลิมใหญ่สุดของโลก ในมิติการเมืองระหว่างประเทศเมืองนี้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ล่าสุดในแง่มุมศิลปะเป็นสถานที่จัดงาน Art Jakarta อาร์ตแฟร์ระดับนานาชาติที่ห่างหายไปนานถึงสองปีเพราะโควิด-19

การเดินทางไปร่วมงาน Art Jakarta ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค. จึงเป็นความพิเศษของใครหลายๆ คน บ้างก็เป็นการเดินทางทริปแรกหลังโควิด บ้างก็เป็นการมาจาการ์ตาครั้งแรก กิตติศัพท์อะไรที่เคยได้ยินมาถึงคราประจักษ์กับตาตนเอง 

‘จาการ์ตา’ มาเยี่ยมมาเยือน   ทริปแรกหลังโควิด

เริ่มตั้งแต่สนามบินนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา ตั้งชื่อตามซูการ์โนและโมฮัมหมัด ฮัตตา ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซียหลังประกาศเอกราชจากดัทช์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.1945 คนที่เคยเรียนการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้องคุ้นเคยกับบุคคลสำคัญสองคนนี้ สำหรับ World Pulse แค่ได้ยินชื่อก็เหมือนได้ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย แต่สิ่งที่เป็นปัจจุบันคือท้องฟ้าขมุกขมัวสังเกตได้ตั้งแต่ที่สนามบิน ทีแรกนึกว่าเป็นเมฆฝนแต่ก็ไม่ใช่ มานึกขึ้นได้ว่าจาการ์ตาเป็นเมืองที่รถติดหนักมาก  ท้องฟ้ามืดมัวน่าจะมาจากมลพิษทางอากาศ (มีเมฆฝนบ้างประปราย) ตลอดเวลาสามวันที่อยู่ที่นั่นท้องฟ้าเป็นแบบนี้เสียส่วนใหญ่ ช่วงแดดจัดมีเพียงเล็กน้อย 

จากสนามบินเดินทางโดยรถแท็กซี่ไปยังโรงแรมที่พักในย่านเม็นเต็ง ย่านพักอาศัยทันสมัยแห่งแรกของเมืองหลวง แหล่งข่าวชาวไทยผู้ใกล้ชิดวงการทูตต่างประเทศรายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ผังเมืองถูกวางไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมดัทช์ โดยย่านเม็นเต็งอยู่วงในสุดของผังเมืองนั่นหมายความว่าที่นี่คือศูนย์กลางแห่งอำนาจ เป็นบ้านของบุคคลสำคัญ แม้แต่อดีตประธานาธิบดีคนหนึ่งก็มีบ้านอยู่ย่านนี้ในลักษณะที่เรียบง่ายมาก ชนิดที่แทบดูไม่ออกว่าเป็นบ้านใครแต่มีลักษณะอะไรบางอย่างบอกให้รู้ว่า “บ้านนี้ไม่ธรรมดา” ตอนเลือกตั้งศูนย์บัญชาการสงครามข้อมูลอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในบริเวณนี้ เพราะที่นี่คือย่านที่อินเทอร์เน็ตแรงที่สุดในอินโดนีเซีย  (แหล่งข่าวระบุชื่อบุคคลสำคัญแต่ขอเว้นไว้ ณ ที่นี้)  

ก่อนถึงโรงแรมระหว่างที่แท็กซี่วิ่งมาบนถนนใหญ่ดูคล้ายๆ ย่านราชประสงค์ เป็นที่ตั้งโรงแรมดังจากต่างประเทศและห้างสรรพสินค้าหรูเต็มไปหมด รวมทั้งห้างเซ็นทรัลของไทยด้วย ส่วนโรงแรมที่คณะสื่อมวลชนพักตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้างซารีนาห์ (Sarinah) ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของประเทศก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค. (วันชาติอินโดนีเซีย) 1962 ในรูปของรัฐวิสาหกิจตามดำริของประธานาธิบดีซูการ์โน ที่ต้องการให้ห้างซารีนาห์เป็นธงนำสำหรับกิจการค้าปลีกและเศรษฐกิจประเทศ 

จากโรงแรมคณะสื่อต้องรีบบึ่งไปให้ทันพิธีเปิดงาน Art Jakarta ที่ศูนย์ประชุมจาการ์ตา เสนายัน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรัฐวิสาหกิจ “เอริก โทฮีร์” มาเป็นประธาน เนื่องจากพิธีเปิดดำเนินไปด้วยภาษาอินโดนีเซีย เมื่ออยากรู้ว่า รมต.พูดอะไรบนเวทีก็ต้องคอยติดตามจากที่สื่อท้องถิ่นรายงาน ซึ่งท่านก็พูดได้อย่างกินใจ เชิญชวนให้ชาวอินโดนีเซียไม่ลืมวัฒนธรรมอันเป็นรากฐานของชาติในการเดินหน้าเป็นหนึ่งเดียวกับอนาคต

เรื่องรัฐมนตรีท่านนี้ World Pulse ขอสารภาพว่า มีเรื่องหน้าแตก เนื่องจากมาไม่ทันพิธีเปิดช่วงแรกและด้วยความที่ฟังภาษาเขาไม่ออกจึงไม่ทราบว่าใครเป็นใคร เห็นแต่ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินยืนพูดอะไรอยู่บนเวทีด้วยความสนุกสนาน ได้แต่คิดว่า พิธีกรคนนี้เก่งจัง พูดอะไรคนฟังก็ยิ้มตาม จากนั้นก็แยกไปดูงานศิลปะ ระหว่างที่ยืนดูอยู่ที่บูธหนึ่ง เห็นบรรยากาศคึกคักนักข่าวมากันเพียบ มั่นใจว่ารัฐมนตรีต้องมาบูธนี้แน่ๆ ซึ่งก็ใช่จริงๆ ประเมินด้วยสายตาคิดว่า ชายร่างสูงในสูทสีแดงจะต้องเป็นรัฐมนตรี  อ้อ... พิธีกรในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินที่เราเห็นบนเวทีเมื่อตะกี๊ก็มากับรัฐมนตรีด้วยน่าจะเป็นคนติดตาม  ครั้นพิจารณาชัดๆ อีกที ชายสูทแดงต่างหากที่เป็นคนนำชายเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินชมงาน ถ้าอย่างนั้นคนที่เราคิดว่าเขาเป็นพิธีกรในงานก็เป็นรัฐมนตรีล่ะสิ! โอ๊ย โอ๊ย! อย่างนี้เขาเรียกว่ามีตาหามีแววไม่ มองผู้มีอำนาจบารมีไม่ออก แต่จะมากล่าวโทษ World Pulse เสียทีเดียวไม่ได้ เพราะรัฐมนตรีเอริกแต่งกายเรียบง่ายสบายๆ สไตล์เดียวกับประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ตามที่เห็นในหน้าสื่ออยู่บ่อยๆ 

สำหรับผลงานศิลปะที่นำมาจัดแสดงใน Art Jakarta มีมากมายชนิดดูกันไม่หวาดไม่ไหว ต้องขอยกยอดไปเล่าให้ฟังในตอนหน้า ตอนนี้ขอโฟกัสที่เมืองจาการ์ตาอย่างเดียวก่อน หลังจากตาลายกับงานศิลป์เลยถือโอกาสออกมาเที่ยวฮอลล์ข้างๆ ซึ่งจัดงานโชว์ผ้าบาติกพอดี ไม่เสียแรงที่อินโดนีเซียขึ้นชื่อเรื่องผ้าบาติกคราวนี้ได้มาเห็นกับตาถึงความอลังการ บาติกไม่ได้มีแค่ผ้าถุงแต่เนื้อผ้ามีทุกชนิดนำไปตัดเย็บได้ทุกสไตล์ตามใจชอบ World Pulse ลองสอบถามดูผืนหนึ่ง ราคา 1,500,000 รูเปี๊ยะห์ จึงต้องขอบายก่อนเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ 8,100,000 รูเปี๊ยะห์เท่านั้น (คิดเป็นเงินไทย 1,984 บาท) 

‘จาการ์ตา’ มาเยี่ยมมาเยือน   ทริปแรกหลังโควิด

เดินในศูนย์ประชุมจาการ์ตา เสนายันอยู่สักพักก็อยากมาสำรวจบรรยากาศข้างนอกบ้าง ได้ยินชื่อเสนายันชวนให้คิดถึงสมัยเด็กๆ  เวลาฟุตบอลทีมชาติไทยมาแข่งที่อินโดนีเซียก็ต้องมาแข่งที่สนามกีฬาแห่งนี้ เห็นทีต้องเดินออกไปดูสนามฟุตบอลสักหน่อย แต่ระหว่างที่ยังหาทางเข้าสนามไม่เจอ เหลือบไปเห็นสวนข้างๆ จัดงานอะไรไม่รู้ คล้ายๆ งานโอท็อป แถมมีเวทีดนตรีแสงสีเพียบ งั้นแวะเวทีนี้เลยก็แล้วกัน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังสินค้ามากมายทั้งของกินท้องถิ่น ของใช้จำพวกเสื้อผ้า รองเท้า  เครื่องสำอาง โลชั่น ครีม สเปรย์ เจลล้างมือกลิ่นหอมสไตล์อินโดนีเซีย 

คืนแรกในจาการ์ตาจบลงด้วยงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนที่มากันหลายประเทศ เฉพาะทีมนี้มีไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สถานที่ดินเนอร์อยู่บนระเบียงชั้นสองของร้านอาหารบรรยากาศเปิดโล่ง รายล้อมไปด้วยตึกสูง ขณะที่ท้องฟ้ายามค่ำยังคงขมุกขมัวด้วยละอองฝุ่นเหมือนเดิม แต่ถ่ายรูปออกมาสวยเหมือนใส่เลนส์ซอฟต์

ส่วนการเยือนจาการ์ตายังมีเวลาอีกสองวัน ฉบับหน้า World Pulse จะพาผู้อ่านชมงาน Art Jakarta 2022 โดยละเอียด ซึ่งในวันที่สองจะเป็นการชมแกเลอรีต่างๆ เดินทางฝ่าการจราจรติดขัดด้วยรถตู้ของคณะ ขอเตือนผู้อ่านเตรียมยาดมแก้เมารถไว้ให้พร้อม ฉบับหน้าเจอกัน! 

‘จาการ์ตา’ มาเยี่ยมมาเยือน   ทริปแรกหลังโควิด