เผยโฉม'นาตาเลีย โวฟค์'มือสังหารลูกสาวเพื่อนซี้'ปูติน' ผู้นำรัสเซีย

เผยโฉม'นาตาเลีย โวฟค์'มือสังหารลูกสาวเพื่อนซี้'ปูติน' ผู้นำรัสเซีย

เผยโฉม'นาตาเลีย โวฟค์'มือสังหารลูกสาวเพื่อนซี้'ปูติน' ด้านนักวิเคราะห์ต่างชาติส่วนใหญ่เชื่อว่า การสังหารครั้งนี้อาจเป็นฝีมือของสายลับรัสเซียที่ต้องการปิดปากดูกิน และเขาน่าจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเหตุระเบิด

 สงครามยูเครนที่รัสเซียเป็นผู้เปิดฉาก ส่อแววว่าจะยืดเยื้อออกไปอีก จากเหตุลอบวางระเบิดบุคคลใกล้ชิดประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่ล่าสุด รัสเซีย กล่าวหาว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดรถยนต์ ที่สังหารลูกสาวของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมันสมองของปูติน พร้อมทั้งเผยแพร่ภาพหญิงสาวชาวยูเครนที่ทางการรัสเซียเชื่อว่าเป็นมือสังหาร

สำนักงานความมั่นคงแห่งสหพันธ์ของรัสเซีย (เอฟเอสบี) ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(22ส.ค.)ว่า เหตุระเบิดรถยนต์ในกรุงมอสโกที่ทำให้ “ดาเรีย ดูกินา” นักวิจารณ์การเมืองและลูกสาวของ “อเล็กซานเดอร์ ดูกิน” นักปรัชญาชาตินิยมสุดโต่งของรัสเซีย ที่สนับสนุนการบุกยูเครนเสียชีวิตเมื่อคืนวันเสาร์(20ส.ค.) เป็นการฆาตกรรมที่เตรียมการและวางแผนโดยหน่วยพิเศษของยูเครนและลงมือโดยพลเมืองของยูเครน

นอกจากนี้ เอฟเอสบี ยังเผยแพร่คลิปวิดีโอ ภาพถ่าย และบัตรประจำตัวทหารของผู้หญิงชาวยูเครนชื่อ “นาตาเลีย โวฟค์” วัย 43 ปี ที่เชื่อว่าเป็นมือสังหาร ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นโวฟค์กับลูกสาววัย 12 ปีของเธอ เดินทางเข้ารัสเซียด้วยรถมินิคูเปอร์เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยใช้ป้ายทะเบียนของสาธารณรัฐโดเนตสก์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ

หลังจากนั้น ก็เปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็นคาซัคสถาน รวมถึงเปลี่ยนสีผม หรือสวมวิกผม เพื่อติดตามดูกินาอยู่หลายสัปดาห์ และหลังก่อเหตุแล้ว ก็เปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็นยูเครน เพื่อขับหนีเข้าไปในเอสโตเนีย
 

เอฟเอสบี อ้างว่า โวฟค์เช่าห้องพักในอพาร์ทเมนต์เดียวกับดูกินา และแอบตามเธอไปทั่วกรุงมอสโกนานหลายสัปดาห์ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัสเซีย ยังเผยภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพโวฟค์ขณะอยู่ในอพาร์ทเมนต์ รวมถึงเผยเอกสารทางทหารของเธอ ที่รวมถึงบัตรประจำตัวที่มีภาพเธอสวมเครื่องแบบทหาร และเชื่อว่าสังกัดกองพันอาซอฟ

ในวันเกิดเหตุ โวฟค์ไปงานเทศกาลบทกวี ที่ดูกินาและดูกิน พ่อของเธอไปร่วมงานด้วย แต่หลังจากดูกินา เปลี่ยนไปขับรถยนต์ของพ่อออกจากงานไปได้เพียงหนึ่งชั่วโมงก็เกิดระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่ระบุว่า ระเบิดน้ำหนัก 800 กรัม ถูกซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งคนขับและจุดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรล และสื่อก็เผยให้เห็นภาพของดูกินยืนมองดูจุดเกิดเหตุด้วยความตกใจและใช้มือกุมศีรษะไว้

ขณะที่“มิโคโล โปโดเลียก” ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดสังหารลูกสาวของดูกิน ที่ได้ชื่อว่าเป็นมันสมองของประธานาธิบดีปูติน โดยทวีตว่า คำกล่าวอ้างของเอฟเอสบีเป็นเพียงนิยาย และกองพันอาซอฟปฏิเสธด้วยว่าโวฟค์ไม่ได้เป็นทหารในหน่วย  พร้อมทั้งกล่าวหาว่ารัสเซียสร้างเรื่องโกหก

ส่วนประธานาธิบดีปูตินระบุในจดหมายแสดงความเสียใจแก่ดูกินและภรรยา โดยประณามเหตุการณ์ฆาตกรรมที่โหดร้าย และยกย่องว่าดูกินา รับใช้ประชาชนและประเทศอย่างซื่อสัตย์ พร้อมกับมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ Order of Courage ให้กับเธอ 

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวหาว่า การฆาตกรรมดูกินนาสะท้อนว่า ยูเครนใช้การก่อการร้ายเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม

แต่บรรดานักวิเคราะห์ต่างชาติส่วนใหญ่เชื่อว่า การสังหารครั้งนี้อาจเป็นฝีมือของสายลับรัสเซียที่ต้องการปิดปากดูกิน เขาน่าจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเหตุระเบิด โดยดูกินตัดสินใจสลับรถกับลูกสาวเพื่อขับกลับบ้านในนาทีสุดท้าย

ที่ผ่านมา ดูกินมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกทัศน์ของปูติน และแนวคิดการสร้างอาณาจักรรัสเซียใหม่ ที่จะผนวกอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตเข้าไว้ด้วยกันรวมถึงยูเครน ทำให้ถูกเรียกขานว่า “มันสมองของปูติน” แต่ระยะหลัง เขาหันมาวิจารณ์ประธานาธิบดีปูตินมากขึ้น

ดูกิน ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐในปี 2558 หลังจากมีส่วนรับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำหรือนโยบาย ในช่วงที่รัสเซียผนวกดินแดนไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ และดูกินา ก็ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐเมื่อเดือน มี.ค. ปีนี้ เนื่องจากเว็บไซต์ของเธอถูกมองว่าเป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน

ในงานศพของดูกินา ซึ่งมีชาวรัสเซียหลายร้อยคนเข้าร่วมนั้น  ดูกิน บิดาของดูกินา กล่าวกับผู้เข้าร่วมในพิธีไว้อาลัยว่า “ลูกสาวของเขาเสียชีวิตเพื่อรัสเซีย และหากความตายอันน่าสลดใจของเธอจะกระทบใจใครสักคน เธอก็คงจะขอให้พวกเขาปกป้องศาสนาออร์ธอดอกซ์อันศักดิ์สิทธิ ประชาชน และปิตุภูมิ เธอเสียชีวิตเพื่อรัสเซีย ในแผ่นดินแม่ และในแนวหน้า ไม่ใช่ยูเครน แต่เป็นที่นี่”

ด้าน“คอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ” เพื่อนสนิทของครอบครัวและนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ซึ่งยึดมั่นในแนวคิดชาตินิยม กล่าวยกย่องดูกินาว่าเป็นผู้พลีชีพ ความตายของเธอทำให้การเอาชนะยูเครนมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับรัสเซีย

ขณะที่นักวิเคราะห์การเมืองรัสเซียบางคน มีความเห็นว่า ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ก่อเหตุการลอบสังหารครั้งนี้ อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือจุดกระแสความโกรธแค้นในรัสเซีย เพื่อสร้างความชอบธรรมในการกระทำของรัฐบาลรัสเซีย

แต่ชาวรัสเซียจำนวนไม่น้อยก็เริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความปลอดภัยในประเทศ หลังจากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งตามฐานทัพทหารของรัสเซียในไครเมีย และตามภูมิภาคต่าง ๆ ที่อยู่ติดชายแดนยูเครน

มีผลสำรวจความคิดเห็นบางสำนักบ่งชี้ว่า มีชาวรัสเซียเพิ่มขึ้นที่รู้สึกกังวลว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของรัสเซียจะยืดเยื้อและต้องเผชิญกับความล้มเหลวในที่สุด