‘หยาง ฮุ่ยหยัน’ หลุดตำแหน่งหญิงรวยที่สุดเอเชีย

‘หยาง ฮุ่ยหยัน’ หลุดตำแหน่งหญิงรวยที่สุดเอเชีย

หยาง ฮุ่ยหยัน ครองตำแหน่ง ผู้หญิงร่ำรวยที่สุดในเอเชียเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน แต่ดัชนีอภิมหาเศรษฐีบลูมเบิร์กเมื่อปลายเดือนก.ค.ชี้ว่า ความมั่งคั่งของเธอหายไปกว่าครึ่งในปีที่ผ่านมา เหตุจากภาคอสังหาริมทรัพย์จีนขาดแคลนเงินสดจนสะเทือนไปทั้งวงการ

เว็บไซต์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานว่า หยาง ฮุ่ยหยัน ผู้ถือหุ้นใหญ่คันทรีการ์เดน บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ความมั่งคั่งสุทธิดิ่งลงกว่า 52% มาอยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 2.37 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน

ความมั่งคั่งของหยางสะเทือนหนักเมื่อเดือนมิ.ย. ตอนที่หุ้นคันทรีการ์เดน ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในกวางตุ้ง จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ร่วงลง 15% หลังบริษัทประกาศว่าจะขายหุ้นใหม่เพื่อระดมเงินสด

ที่มาของความร่ำรวย

เงินพันล้านของหยางไม่ได้มาจากไหนนอกจากสืบทอดมาจากบิดา “หยาง โกเฉียง” ผู้ก่อตั้งคันทรีการ์เดนที่ถ่ายโอนหุ้นให้เธอในปี 2548

หยางผู้พ่อร่ำรวยมาจากการสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง เขากล่าวเสมอมาว่า สมัยเป็นวัยรุ่นไม่มีเงินจะจ่ายค่าเทอมด้วยซ้ำ จำต้องกลับไปทำไร่ ทำนาเหมือนเดิม ต่อมาเขาได้ทุนการศึกษาจึงได้เรียนหนังสือ

ส่วนลูกสาวกลายเป็นหญิงผู้ร่ำรวยที่สุดในเอเชียในปี 2550 หลังคันทรีการ์เดนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง แต่ตอนนี้เธอแทบไม่ได้ครองตำแหน่งนั้นแล้ว เมื่อฟาน หงเว่ย นักธุรกิจเส้นใยเคมีไล่จี้มาติดๆ ความมั่งคั่งสุทธิเมื่อปลายเดือนก.ค.ที่ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์

หยางยังเป็นประธาน Bright Scholar Education Holdings ผู้ดำเนินการโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนสองภาษา K-12 รายใหญ่สุดในจีน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อปี 2550

แม้ความมั่งคั่งสุทธิของหยางเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสามหญิงร่ำรวยที่สุดในโลก ได้แก่ ฟร็องซัวส์เบตตองกูร์ต-เมแยร์ส, จูเลีย คอค และอลิซ วอลตันแต่หยางครองตำแหน่งผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียของเธอไว้ได้อย่างเหนียวแน่นห้าปีติดต่อกัน

 

 

 

 

อะไรเกิดขึ้นกับความมั่งคั่งของหยาง

 สองปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งความยากลำบากของหยางอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีปัญหา ปี 2563 ทางการจีนจัดการหนี้สินล้นพ้นตัวในภาคอสังหาฯ ทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่างเอเวอร์แกรนด์และซูแนค (Sunac) พยายามหาเงินมาใช้จ่าย และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเจรจากับเจ้าหนี้ขณะที่พวกเขากำลังเข้าสู่ภาวะล้มละลาย

ด้านผู้ซื้อบ้านทั่วประเทศไม่พอใจที่ไม่มีการก่อสร้าง และส่งมอบล่าช้า บางคนเริ่มไม่จ่ายเงินหากบ้านยังสร้างไม่เสร็จ แต่คันทรีการ์เดนยังคงค่อนข้างไม่ได้รับผลกระทบจากความปั่นป่วนในอุตสาหกรรม ปลายเดือนก.ค. บริษัทเขย่าขวัญนักลงทุนด้วยการประกาศแผนขายหุ้นระดมทุนกว่า 343 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งนำเงินมาใช้หนี้

คันทรีการ์เดนยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ระบุว่า รายได้จากการขายหุ้นจะถูกนำไป “รีไฟแนนซ์หนี้สินต่างประเทศที่มีอยู่ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป และเพื่อการพัฒนาในอนาคต”

สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้

คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารจีนเร่งเร้าธนาคารสนับสนุนภาคอสังหาฯ และตอบสนองความต้องการทางการเงินของบริษัทต่างๆ อย่างสมเหตุสมผล ขณะที่นักวิเคราะห์และผู้กำหนดนโยบายเกรงว่าปัญหาการเงินจะระบาด ประเมินกันว่าภาคอสังหาฯ คิดเป็น 18-30% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จีน และเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก

นักวิเคราะห์เตือนว่า ภาคอสังหาฯ จีนติดอยู่ใน “วงจรชั่วร้าย” ที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อไปอีก หลังทางการจีนเผยแพร่ตัวเลขการเติบโตไตรมาสสอง ซึ่งแย่ที่สุดนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาด นับแต่นั้นตำแหน่งผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียของหยางก็ถูกโค่นโดยสาวิตรี จินดาล จากอินเดีย เจ้าของจินดาลกรุ๊ป ตามดัชนีบลูมเบิร์กหญิงอินเดีย วัย 72 ปีรายนี้มั่งคั่งสุทธิ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์

 

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์