เปิดใจ‘ไมเคิล ฮีธ’อำลาประเทศไทย-ย้ำสัมพันธ์แนบแน่นไทย-สหรัฐ

เปิดใจ‘ไมเคิล ฮีธ’อำลาประเทศไทย-ย้ำสัมพันธ์แนบแน่นไทย-สหรัฐ

เปิดใจ‘ไมเคิล ฮีธ’อำลาประเทศไทย-ย้ำสัมพันธ์แนบแน่นไทย-สหรัฐ โดยปัจจุบัน มีบริษัทไทยไปลงทุนในสหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของเรายิ่งแน่นแฟ้น ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยของผมสิ้นสุดลง ผมภูมิใจในความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ ในเวลาที่เราทั้งสองประเทศร่วมกันจัดการความท้าทายต่างๆ ตลอดจนค้นหาโอกาสใหม่ๆ ผมและครอบครัวรักเมืองไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละครั้งที่เราได้มาประจำการอยู่ที่นี่ และจะคิดถึงไมตรีจิตของผู้คน ความรุ่มรวยของวัฒนธรรม ตลอดจนความหลากหลายของอาหาร

 เมื่อครั้งที่ได้รับมอบหมายให้มาประเทศไทยครั้งแรกในฐานะนักการทูตระดับต้นในปี2538 ผมได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนของสหรัฐ ในประเทศที่ผมชื่นชอบอย่างมาก ผมได้เดินทางตั้งแต่เชียงรายไปถึงยะลา จากแม่สอดไปอุบลราชธานี และอีกหลายแห่งทั่วประเทศไทย ผมได้เป็นประจักษ์พยานถึงความสัมพันธ์สหรัฐ-ไทยที่กว้างขวางและลึกซึ้งยิ่ง

 ในด้านเศรษฐกิจ สหรัฐ เป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่ที่สุดของไทย และการค้าขายระหว่างกันของเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ เกือบ23% ระหว่างปี2563-2564 ทั้งยังสนับสนุนเศรษฐกิจไทยระหว่างภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 บริษัทอเมริกันหลายแห่งเป็นผู้ลงทุนจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของไทย

ปัจจุบัน มีบริษัทไทยไปลงทุนในสหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของเรายิ่งแน่นแฟ้น ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ชาติของเราลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะทำให้แน่ใจได้ว่าประชาชนของเราทั้งสองชาติในตลาดสินค้าระดับโลกจะเข้าถึงสินค้าที่จำเป็นได้

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกเพื่อความมั่งคั่ง และบทบาทของเราในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปคต่อจากกัน ยังเพิ่มโอกาสให้เกิดนโยบาย การลงทุน และบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคซึ่งให้ความสำคัญกับสภาพภูมิอากาศ ในฐานะประเทศแรกที่เข้าร่วมข้อริเริ่มความต้องการใช้พลังงานสะอาดที่นำโดยสหรัฐ ไทยได้ปลดล็อกศักยภาพการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากสหรัฐ 

ทั้งยังได้เข้าร่วมเวทีที่สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศและก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในรูปแบบใหม่ๆ องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สำคัญต่อการดำเนินงานตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model)ของไทย ตลอดจนเป้าหมายที่เรามีร่วมกันเพื่อการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างเรา ยังเป็นอีกด้านที่ขยายผลออกไปทั่วโลก สหรัฐ และไทยทำงานร่วมกันตลอด 60 ปีที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ โดยการพัฒนายารักษาโรคไข้มาลาเรีย และโรคติดเชื้ออื่นๆ ความร่วมมือของเราได้ช่วยชีวิตของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนผ่านทางการวิจัย การค้นพบยารักษาโรค 

ล่าสุดคือ การตอบโต้ด้านสาธารณสุขต่อโรคโควิด-19เราภูมิใจที่ได้บริจาควัคซีนโควิด-19ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจากสหรัฐฯ จำนวน2.5ล้านโดสให้แก่ไทย ซึ่งรัฐบาลไทยได้แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างเท่าเทียม

ขณะอยู่ที่ประเทศไทย ผมยังได้เห็นความสำคัญที่แท้จริงของความร่วมมือด้านความมั่นคงของเรา ในปีนี้เป็นโอกาสที่เราได้ยืนยันพันธไมตรีในสนธิสัญญาระหว่างสหรัฐกับไทย และโอกาสครบรอบ41ปีการฝึกคอบร้าโกลด์ ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมทางทหารระดับพหุภาคีที่ยาวนานที่สุดและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก 

ผู้เข้าร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์และการฝึกซ้อมทางทหารอื่นๆ ระหว่างสหรัฐกับไทย เป็นแนวหน้าในการตอบสนองต่อภัยพิบัติและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น ในเหตุการณ์สึนามิปี2547 และภารกิจช่วยชีวิตทีมหมูป่าปี 2561

ในปีที่ผ่านมานี้เพียงปีเดียว สมาชิกในคณะรัฐบาลสหรัฐ เดินทางเยือนไทย4ครั้งด้วยกัน ซึ่งสุดท้าย นำไปสู่การลงนามครั้งประวัติศาสตร์ในแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย 

แถลงการณ์ฉบับนี้ สะท้อนถึงประโยชน์ร่วมกันของเราในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง ยั่งยืน และทุกฝ่ายมีส่วนร่วม อีกทั้งยังเน้นย้ำอนาคตความสัมพันธ์ของเราในการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการแสดงออกอย่างเสรีและระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนร่วมมือกันในด้านการบังคับใช้กฎหมาย ความปลอดภัยทางไซเบอร์และเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล และการแลกเปลี่ยนภาคประชาชนผมมั่นใจว่าในเวลาหลายปีต่อจากนี้ ชาวอเมริกันและชาวไทยรุ่นต่อไปจะยังคงได้รับประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่พิเศษของเรา

ความสัมพันธ์สหรัฐ-ไทยมีอนาคตที่สดใส ไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ และผมมั่นใจว่าไทยจะดำเนินการอันเป็นแบบอย่างที่สะท้อนถึงคุณค่าที่เรามีร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงออก และความโปร่งใส เราจะร่วมกันต่อสู้ภัยจากระบอบอำนาจนิยมในภูมิภาคนี้และทั่วโลก

ผมและมิเชล ภรรยา ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักและพบปะกับเพื่อนๆ ชาวไทยของเรา เราตั้งตารอที่จะได้ฉลองครบรอบ 190 ปี มิตรภาพของเราในปีหน้านี้ และถ้ามองไปยังอนาคตที่ไกลออกไปในปี2570 เรารอคอยที่จะได้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ100ปีแห่งวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในรัฐแมสซาชูเซตส์อีกด้วย

ผมยินดีที่ได้ทราบว่าผู้นำจากฝั่งสหรัฐ ที่จะนำการวางแผนงานสำหรับเหตุการณ์ที่สำคัญดังกล่าวจะเป็นนักการทูตมากความสามารถอย่างโรเบิร์ต โกเดค ผู้ซึ่งวุฒิสภาสหรัฐได้รับรองให้เป็นว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย ในเดือนที่ผ่านมา

 ผมส่งไม้ต่อในการสานสัมพันธ์ระหว่างเราให้กับผู้ที่มีความสามารถยิ่ง และมั่นใจว่าสหรัฐ และไทยจะยังคงเป็นเพื่อน หุ้นส่วน และพันธมิตรที่ดีต่อกันตลอดไป