'แนนซี เพโลซี'ประธานสภาหญิงมะกันเจ้าของฉายา'ยัยตัวแสบ'

'แนนซี เพโลซี'ประธานสภาหญิงมะกันเจ้าของฉายา'ยัยตัวแสบ'

“แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกขณะนี้ในฐานะเดินทางเยือนไต้หวัน โดยไม่สนใจเสียงขู่และปฏิกิริยาไม่พอใจอย่างรุนแรงจากรัฐบาลปักกิ่ง เป็นเจ้าของฉายา“Crazy Nancy”หรือ"ยัยตัวแสบ"ในยุคโดนัลด์ ทรัมป์

 การเยือนไต้หวันของเพโลซี ผู้นำอันดับ 3 ของสหรัฐ ถูกมองว่ามีนัยสำคัญทางการเมืองระหว่างประเทศ เเละเสี่ยงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเลวร้ายมากกว่าที่เป็นอยู่ กรุงเทพธุรกิจ จะพามารู้จักเพโลซี รวมทั้งฉาย “Crazy Nancy” ว่าเธอได้รับมันมาได้อย่างไร

เพโลซี มีชื่อเต็มๆว่า แนนซี แพทริเซีย ดีอาเลซานโดร เพโลซี เกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2483 ที่เมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวและเป็นน้องนุชคนสุดท้องในบรรดาพี่ชาย 6 คน พ่อของเธอเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองบัลติมอร์คนที่ 40 ส่วนพี่ชายเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองบัลติมอร์คนที่ 43

เพโลซี สำเร็จการศึกษาจาก Trinity Washington University ในสาขารัฐศาสตร์ เริ่มต้นทำงานในแวดวงการการเมือง โดยไปช่วยรณรงค์ทางการเมืองของบิดาจากนั้นเธอได้เข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต
 

ปัจจุบัน มีตำแหน่งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ แต่ก่อนจะได้รับตำแหน่งในสภาคองเกรสที่ 110 เพโลซีมีตำแหน่งเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน (Minority Leader) ตั้งแต่ปี 2545 ถึงปี 2550 มีตำแหน่งระหว่างสภาคองเกรสที่ 107, สภาคองเกรสที่ 108 และสภาคองเกรสที่ 109

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ปี2550 เพโลซีได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และได้รับเลือกอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ปี2562 ในสภาคองเกรสสมัยที่ 116 โดยเอาชนะ เควิน แม็คคาธี่ จากพรรครีพับลิกันไป 220-193 คะแนน

ตั้งแต่ปี 2530 เพโลซีเป็นผู้แทนจากเขตเลือกตั้งที่ 8 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในบริเวณที่ประกอบด้วยเนื้อที่สี่ในห้าของซานฟรานซิสโก (เดิมเป็นเขตเลือกตั้งที่ 5 ระหว่างสามสมัยแรกที่ได้รับเลือก) ต่อมาในปี 2550  เพโลซี ก็ก้าวสู่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และดำรงตำแหน่งจนถึงปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นประธานาธิบดี ที่มาจากพรรคริพับลิกัน พรรคฝั่งตรงข้ามของเดโมแครต ปี 2562 เธอก็ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ซึ่งตรงกับสมัยที่โดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี
 

เพโลซี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกที่เป็นสตรี และเป็นชาวแคลิฟอร์เนียคนแรกและชาวอิตาเลียน-อเมริกันคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง และเป็นคนที่สองจากรัฐทางตะวันตกของเทือกเขาร็อกกี้ที่ได้รับตำแหน่ง  โดยคนแรกคือทอม โฟลีย์ จาก รัฐวอชิงตัน

ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร เพโลซี มีสิทธิเป็นลำดับที่สองรองจากรองประธานาธิบดีในการเป็นประธานาธิบดีในกรณีที่จำเป็น ฉะนั้น เพโลซีจึงเป็นสตรีที่มีตำแหน่งสูงสุดในประวัติศาสตร์การปกครองของสหรัฐ  และเป็นสุภาพสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐที่สามารถกลับมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งได้

เพโลซี ไม่ได้ทรงอิทธิพลเฉพาะเรื่องธุรกิจและการเมืองเท่านั้น เเต่ยังมีบทบาทในเรื่องของแฟชั่น โดยเฉพาะแบรนด์ Max Mara แฟชั่นอิตาเลียนแบรนด์โปรด ยกตัวอย่างเช่น เสื้อโค้ทสีส้มอิฐ รุ่น GLAMIS จากแบรนด์ Max Mara ซึ่งนำมาขายครั้งแรก เมื่อปี 2557 เพโลซี สวมใส่หลังการหารืออันเผ็ดร้อนกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงปี 2561 เรียกเสียงฮือฮาบนสื่อสังคมออนไลน์ กระทั่งเจ้าของแบรนด์เสื้อนำโค้ทรุ่นนี้กลับมาขายอีกครั้ง

“เพโลซี” ถือเป็น“ยัยตัวแสบ” ของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเพโลซี ถูกมองว่าไม่เคยเกรงกลัวเเละไม่เคยก้มหัวให้ใคร อาจะเพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว มีพ่อเคยนั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีในฐานะอิตาเลียน-อเมริกันคนแรกของบัลติมอร์ เธอน่าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเอาชนะเพศตรงข้ามที่เข้มแข็ง อย่าง “ทรัมป์”ได้ไม่ยาก

ขั้วการเมืองของเพโลซีตรงข้ามกับทรัมป์ คงไม่เเปลกที่เธอจะถูกเรียกว่าเปรียบเหมือนผู้นำหญิงที่พร้อมจะถ่วงดุลอำนาจของทรัมป์ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น เธอปฏิเสธการอนุมัติเงินงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก มูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ของทรัมป์

คอยตามจี้ทรัมป์พร้อมกับคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับเงินภาษีและคดีความสัมพันธ์กับรัสเซีย และการเสนอร่างกฎหมายปลดทรัมป์ ครั้งนั้น เพโลซี เฉียบคมและหนักแน่น แต่งชุดดำในวันลงคะแนนถอดถอนด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจัง

เรียกได้ว่าแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำเอาทรัมป์เกือบตั้งตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว จนกระทั่งเขาตั้งฉายาให้เธอว่า “Crazy Nancy”