สื่อนอกตีข่าว 'เคเอฟซี' เตรียมขายกิจการในไทย

รอยเตอร์ รายงานอ้างแหล่งข่าววงในว่า บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (อาร์ดี) มีแผนจะขายธุรกิจแฟรนไชส์ของเคเอฟซีในประเทศไทย คิดเป็นวงเงินประมาณ 300 ล้านดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ 3 คนที่ระบุว่า บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเมนท์ (อาร์ดี) หนึ่งในผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ร้านไก่ทอดเคเอฟซีไทย ร่วมกับกลุ่มทุนที่นำโดย AIGF Advisors Pte Ltd กำลังอยู่ในกระบวนการเจรจากับบริษัทที่ปรึกษาอย่างน้อยหนึ่งแห่งเกี่ยวกับการขายกิจการเคเอฟซี ในส่วนที่บริษัทถืออยู่ในประเทศไทย
ที่ผ่านมา อาร์ดีเคยพิจารณาที่จะขายธุรกิจเคเอฟซีในปี 2563 แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้การเจรจาต้องเลื่อนออกไป
แต่ขณะนี้ สถานการณ์ได้คลี่คลายและเศรษฐกิจของไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในอาเซียนก็มีการฟื้นตัวเช่นเดียวกับรายได้ของบริษัทที่ฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า ยอดขายของอาร์ดีกระเตื้องขึ้นเช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยที่ขยับสูงขึ้นด้วยในเดือนมิ.ย. นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจคึกคักมากขึ้นหลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ อาร์ดีทำยอดขายรายไตรมาสได้สูงสุด ทั้งยังสามารถทำอัตราเติบโตสูงสุดด้านยอดขายเฉลี่ยรายปีของร้านที่เปิดบริการเกิน 1 ปีในช่วงดังกล่าว
แหล่งข่าวคาดการณ์ว่า ธุรกิจเคเอฟซีจะสามารถเติบโตต่อไปในช่วงไตรมาสต่อ ๆ ไป เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและรัฐบาลได้เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและผ่อนคลายกฎเกณฑ์ควบคุมการเดินทาง
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า กลุ่มทุนที่อาจจะเข้าซื้อกิจการเคเอฟซีจากอาร์ดี ได้แก่
- บริษัท เซ็นทรัล เรสเตอรองส์ กรุ๊ป (CRG)
- บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA)
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยเบฟเวอเรจ ที่ได้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์จากบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เมื่อปี 2560 จำนวน 240 สาขา และเร่งขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง





