นักลงทุนดังสหรัฐโทษคนรุ่น ‘มิลเลนเนียล’ ทำเงินเฟ้อสูงเสียดฟ้า

นักลงทุนดังสหรัฐโทษคนรุ่น ‘มิลเลนเนียล’ ทำเงินเฟ้อสูงเสียดฟ้า

เงินเฟ้อสหรัฐที่พุ่งสูงจนตลาดอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง ทั้งยังกระตุ้นให้เกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอยแท้จริงแล้วมาจากหลายสาเหตุ แต่นักลงทุนชื่อดังรายหนึ่งกล่าวว่า เป็นเพราะคนรุ่นมิลเลนเนียล

ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน จนเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังกล่าวว่า เงินเฟ้อสูงจนไม่อาจยอมรับได้ เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า สาเหตุเบื้องหลังเงินเฟ้อพุ่งมีทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานสูงเพราะอุปทานขาดแคลน สงครามของรัสเซียในยูเครน รัฐบาลใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดอกเบี้ยต่ำช่วงโควิด-19 ระบาด แรงงานขาดแคลนต่อเนื่อง และปัญหาซัพพลายเชนไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ แต่มีนักลงทุนรายหนึ่งโต้ว่า ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยทำให้เกิดเงินเฟ้อ นั่นคือ คนรุ่นมิลเลนเนียล

“ดูสิ สิ่งที่ทุกคนไม่ได้พูดถึงว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุของเงินเฟ้อ ซึ่งก็คือมีคนมากเกินไป มีเงินมากเกินไป ไล่ซื้อสินค้าน้อยเกินไป” บิล สมีด ประธานคณะเจ้าหน้าที่ลงทุน Smead Capital Management กล่าวในรายการ Squawk Box Europe ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี เมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) ตามเวลาสหรัฐ

สมีดอธิบายว่า ในสหรัฐมีคนรุ่นมิลเลนเนียลราว 92 ล้านคน ส่วนใหญ่อายุ 27-42 ปี 

"ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นเงินเฟ้อแบบวูฟเวอรีน ที่ผู้กำหนดนโยบายยากจะหยุดยั้งได้ ก็ตอนที่คนรุ่นเบบี้บูม 75 ล้านคนขึ้นมาแทนที่คนรุ่น silent generation ในทศวรรษ 70 ดังนั้นสหรัฐทั้งประเทศจึงมีแต่คนอายุ 27-42 ปี ที่เลื่อนการซื้อบ้าน ซื้อรถ ช้ากว่าคนรุ่นอื่นๆ ส่วนใหญ่เจ็ดปี แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พวกเขาทุกคนพร้อมใจกันซื้อ นี่แค่ช่วงเริ่มต้นของวงจร 10-12 ปีเท่านั้น ที่คนต้องการสิ่งต่างๆ เหล่านี้มากกว่าคนรุ่นก่อนหน้าราว 50%"

"เฟดสามารถควบคุมสินเชื่อได้ แต่ไม่สามารถลดจำนวนคนที่อยากได้สิ่งจำเป็นเหล่านี้เมื่อเทียบกับคนรุ่นก่อนหน้าได้" สมีดกล่าว

แท้จริงแล้วนักเศรษฐศาสตร์เห็นพ้องกันว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐพิมพ์เงินออกมาปริมาณมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดเป็นสาเหตุหลักของเงินเฟ้อ อีกทั้งสมีดไม่ได้กล่าวถึงราคาพลังงานพุ่งสูงผลจากเหตุการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาอุปทาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะโทษคนรุ่นมิลเลนเนียลไม่ได้

คนรุ่นนี้จำนวนมากไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า พวกเขาต่างมีเงินมากมายและตอนนี้กำลังไล่ซื้อสินทรัพย์ ผลสำรวจความคิดเห็นจำนวนหนึ่งทำเมื่อสองปีที่ผ่านมา พบว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลกว่า 60% ชะลอการซื้อบ้านเพราะหนี้ กยศ.หรือราคาบ้านแพงมากเมื่อเทียบกับค่าจ้าง คนรุ่นนี้ยังเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ภาระหนี้สินเพิ่มเร็วที่สุดด้วย

แม้แต่หลายคนที่มีเงินทุนพอก็ยังลังเล ผลสำรวจมหาเศรษฐีของซีเอ็นบีซีเมื่อเดือน มิ.ย. พบว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลมีแนวโน้มลดการซื้อของชิ้นใหญ่มากกว่า "เบบี้บูมเมอร์" ถึงสามเท่า

"44% ของผู้ให้ข้อมูลรุ่นมิลเลนเนียลกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นทำให้พวกเขาชลอการซื้อบ้านใหม่ เทียบกับคนรุ่นเบบี้บูมตัวเลขอยู่ที่ 6% เท่านั้น มหาเศรษฐีมิลเลนเนียลเกือบครึ่งกล่าวว่า เลื่อนการซื้อรถออกไปเพราะดอกเบี้ยสูง สัดส่วนสูงกว่าเบบี้บูมเมอร์กว่าสองเท่า"

อย่างไรก็ตาม คนรุ่นมิลเลนเนียลยังคงเป็นกลุ่มใหญ่สุดในตลาดผู้ซื้อบ้านจำแนกตามเจนเนอเรชัน โดยคิดเป็น 43% ของผู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2564 ทั้งยังเป็นเจนเนอเรชันใหญ่สุดในสหรัฐจำแนกตามประชากร