3บ.ชั้นนำสหรัฐเตือนพนง.รับมือศก.ถดถอย

3บ.ชั้นนำสหรัฐเตือนพนง.รับมือศก.ถดถอย

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบากในสหรัฐที่ทำให้ชาวอเมริกันมีต้นทุนในการใช้ชีวิตแพงขึ้น ล่าสุด เจ้าของบริษัทขนาดใหญ่สัญชาติอเมริกันสามรายเตือนพนักงานบริษัทให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะยากลำบากมากขึ้น

เริ่มจาก “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก”ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)บริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ที่ส่งข้อความเตือนพนักงานว่า บริษัทกำลังเผชิญภาวะถดถอยครั้งรุนแรงมากกว่าครั้งใดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้จำเป็นต้องปรับลดการจ้างงานและการจัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่จริง

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานคำพูดของซัคเคอร์เบิร์กว่า “ผมคิดว่า พวกคุณบางคนอาจคิดว่าที่นี่ไม่เหมาะกับตัวเอง และการตัดสินใจเลือกจากมุมของตัวเองนั้นโอเคสำหรับผม แต่ถ้าจะพูดตามความจริง ก็คงมีพนักงานหลายคนที่ไม่สมควรอยู่ที่นี่”

ซีอีโอบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ยังเตือนถึงพิษเศรษฐกิจในการประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อสื่อสารกับพนักงานบริษัทจำนวน 77,800 คน โดยแจ้งพนักงานว่า พนักงานควรพยายามให้มากขึ้นด้วยการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง และควรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น

การดำเนินการของเมตาที่ชัดเจนมากที่สุด คือลดการจ้างงาน โดยบริษัทจะปรับลดการจ้างงานในตำแหน่งวิศวกรลงเหลือ 6,000-7,000 ตำแหน่งในปีนี้ จากที่เคยตั้งเป้าว่าจะจ้าง 10,000 ตำแหน่งทั่วโลก

อดีตพนักงานรายหนึ่งของเมตายืนยันว่า บริษัทได้ปรับลดแผนการจ้างงานลงตั้งแต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาแล้ว

นอกจากนี้ ผลกำไรของเมตาลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และบริษัทได้สูญเสียมูลค่าตลาดสูงถึง 2.3 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากราคาหุ้นเมตาดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ภายหลังจากที่เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ในเดือนก.พ.
 

เมตาเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งสัญชาติอเมริกันที่เผชิญความผันผวนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ สงครามในยูเครน และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ เทสลา, เน็ตฟลิกซ์, ยูนิตี ซอฟต์แวร์ และคอยน์เบส ต่างประกาศลดตำแหน่งงานลงอย่างมาก

การประกาศเตือนของซีอีโอเมตา มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. “อีลอน มัสก์” ซีอีโอเทสลา  ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐ ประกาศกลางงาน “กาตาร์ อีโคโนมิกส์ ฟอรัม” ซึ่งจัดโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่าเทสลาจะลดจำนวนพนักงานที่ได้รับเงินเดือนประมาณ 10% ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า การลดจำนวนดังกล่าว จะทำให้จำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัทลดลงประมาณ 3.5%

ในการให้สัมภาษณ์กับ“จอห์น มิคเคิธเวต” บรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก มัสก์ ยังบอกด้วยว่า 1 ปีนับจากนี้ไป คาดว่า จำนวนพนักงานทั้งหมดจะเพิิ่มขึ้น ทั้งพนักงานที่ได้รับเงินเดือน และพนักงานรายชั่วโมง

การประกาศของมัสก์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากต้นเดือนที่ผ่านมามัสก์ได้ส่งอีเมลถึงผู้บริหารของเทสลา โดยระบุว่า รู้สึกแย่ต่อเศรษฐกิจปัจจุบันอย่างมาก และบริษัทจำเป็นต้องปลดพนักงานประมาณ10%

ปิดท้ายด้วย"เจฟฟ์ เบซอส" ผู้ก่อตั้งบริษัทอเมซอนที่ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐหลังจากออกมาเรียกร้องให้บรรดาผู้บริหารบริษัทน้ำมันปรับลดราคาน้ำมันลง

เบซอส ตอบโต้คำวิพากษ์วิจารณ์ของปธน.ไบเดนบนทวิตเตอร์ที่ระบุว่า “นี่คือช่วงเวลาแห่งสงครามและอันตรายระดับโลก” และ “ลดราคาน้ำมันที่คุณเก็บให้เหมาะสมกับต้นทุนที่คุณจ่าย ขอให้ทำเดี๋ยวนี้” โดยปธน.ไบเดนได้ทวีตข้อความนี้เมื่อวันเสาร์ (2 ก.ค.) ซึ่งตำหนิบริษัทที่ดำเนินกิจการปั๊มน้ำมันและมีส่วนในการกำหนดราคาสำหรับผู้บริโภคผ่านทางทวิตเตอร์

ด้านเบซอสทวีตข้อความว่า “เงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญกว่ามากที่ทำเนียบขาวจะต้องแก้ สำคัญกว่าการมัวแต่ออกแถลงการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแถลงการณ์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หรือจะด้วยความเข้าใจผิดเรื่องพลวัตของตลาดขั้นพื้นฐานแบบสุดกู่”

ต่อมา ทำเนียบขาวได้ทวีตข้อความตอบโต้ข้อความของเบซอสเมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) โดยแครีน ฌ็อง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ราคาสินค้าที่สูงขึ้นไม่ใช่ “พลวัตของตลาดขั้นพื้นฐาน” แต่เป็น “ตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันผิดหวัง”

ด้านสมาคมยานยนต์อเมริกัน (AAA) เปิดเผยว่า ราคาก๊าซเฉลี่ยในประเทศเมื่อวันที่ 3 ก.ค. อยู่ที่ 4.812 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.016 ดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว

ขณะที่“จอห์น เคอร์บี” เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวด้านความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่า ปธน.ไบเดนเสนอมาตรการต่าง ๆ ที่อาจลดราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐ รวมถึงการระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (เอสพีอาร์)