'เอฟดีเอ'แนะผลิตวัคซีนป้องกันโอมิครอน BA.4-BA.5

'เอฟดีเอ'แนะผลิตวัคซีนป้องกันโอมิครอน BA.4-BA.5

'เอฟดีเอ'แนะผลิตวัคซีนกันโอมิครอน BA.4-BA.5 ด้านไฟเซอร์-โมเดอร์นาบอกต้องรอ หากบริษัทต้องปรับสูตรผลิตวัคซีนชนิดใหม่เพื่อให้รับมือกับไวรัสสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบันก่อน

คณะที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐได้แนะนำให้มีการปรับสูตรวัคซีนเข็มบูสเตอร์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ เพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยที่ระบาดในขณะนี้

คณะกรรมการมีมติด้วยคะแนน 19-2 ให้วัคซีนเข็มบูสเตอร์ที่จะผลิตออกมาใหม่นั้น มีองค์ประกอบที่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ด้วย โดยเอฟดีเอวางแผนที่จะตัดสินใจในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ เกี่ยวกับวัคซีนเข็มบูสเตอร์ที่จะผลิตออกมาใหม่

ทั้งนี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์ของเอฟดีเอ ระบุว่า พวกเขาต้องการวัคซีนที่ยับยั้งไวรัสสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ได้มากกว่าวัคซีนป้องกันสายพันธุ์ BA.1 ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมา

ด้านบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีความพร้อมที่จะผลิตวัคซีนเข็มบูสเตอร์ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.1 ออกมาได้เร็วกว่าวัคซีนสำหรับสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดอยู่ในขณะนี้

โมเดอร์นา คาดว่าบริษัทพร้อมที่จะผลิตวัคซีนชนิดป้องกันไวรัสได้สองสายพันธุ์ (Bivalent vaccine) ได้ราว 200 ล้านโดส เพื่อป้องกันสายพันธุ์ BA.1 ได้ในเดือนก.ย.นี้ แต่ก็อาจล่าช้าไปจนถึงปลายเดือนต.ค. หรือต้นเดือนพ.ย. หากบริษัทต้องปรับสูตรผลิตวัคซีนชนิดใหม่เพื่อให้รับมือกับไวรัสสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบันก่อน

ขณะที่ ไฟเซอร์ ผลิตวัคซีนป้องกันสายพันธุ์ย่อย BA.1 ออกมาแล้วเป็นจำนวนมาก และกำลังเตรียมพร้อมเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 โดยคาดว่าน่าจะมีวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งออกมาช่วงต้นเดือนต.ค.นี้