เฟดไฟเขียวแบงก์ใหญ่ผ่านทดสอบ Stress Test เปิดทางจ่ายปันผล - ซื้อหุ้นคืน

การทดสอบ Stress Test ของเฟดครอบคลุมถึงการประเมินว่า ธนาคารต่างๆ มีความปลอดภัยที่จะดำเนินการตามแผนการใช้จ่ายเงินทุนหรือไม่ ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินปันผล และการใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากการตั้งสำรองหนี้เสีย

โดยการทดสอบดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินภาษีของประชาชนมาอุ้มธนาคารต่างๆ เหมือนในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินปี 2550-2552

เฟดระบุว่า ผลการทดสอบ Stess Test ในปีนี้แสดงให้เห็นว่า ธนาคารส่วนใหญ่ของสหรัฐมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งจะเปิดทางให้ธนาคารเหล่านี้สามารถซื้อหุ้นคืน และจ่ายเงินปันผล

ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ 34 แห่ง ที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งเฟดกำกับดูแลอยู่นั้น อาจเผชิญกับการขาดทุนรวมกัน 6.12 แสนล้านดอลลาร์ หากเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรุนแรง แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนเงินทุนที่มีอยู่ประมาณ 2 เท่าของเงินทุนสำรองที่กำหนดภายใต้กฎระเบียบของเฟด

ด้วยเหตุนี้ ธนาคารต่างๆ ซึ่งรวมถึงเจพี มอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป, มอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ สามารถใช้เงินทุนส่วนเกินเหล่านี้ในการซื้อหุ้นคืน และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์

เฟด ระบุว่า อัตราส่วนเงินทุนเฉลี่ย (average capital ratio) ของธนาคาร 34 แห่งในปีนี้อยู่ที่ 9.7% เทียบกับระดับ 10.6% ในปีที่แล้วซึ่งเป็นปีที่เฟดทำการทดสอบ Stress Test ของธนาคาร 23 แห่ง ขณะที่อัตราส่วนเงินทุนเฉลี่ยของธนาคาร 8 แห่งที่มีความสำคัญในเชิงระบบระดับโลก หรือ GSIB ภายใต้การทดสอบครั้งนี้ อยู่ที่ 9.64%

ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินทุนเฉลี่ยเป็นมาตรวัดว่า เงินทุนกันชนของธนาคารสามารถรับมือกับการขาดทุนได้หรือไม่

ราคาหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลงในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ หลังผลการทดสอบบ่งชี้ว่า ธนาคารมีอัตราส่วนเงินทุนเฉลี่ยต่ำที่สุดในกลุ่ม GSIB โดยอยู่ที่ 7.6% ขณะที่ราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลงเช่นกัน หลังเฟดระบุว่าอัตราส่วนเงินทุนของซิตี้กรุ๊ปอยู่ที่ 8.6%

ส่วนธนาคารรายใหญ่ของยุโรป ซึ่งมีสาขาอยู่ในสหรัฐ รวมถึงดอยซ์แบงก์ และบาร์เคลย์นั้น ก็ผ่านการทดสอบ Stress Test ในปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยผลการทดสอบระบุว่า ธนาคารยุโรป 7 แห่งในสหรัฐซึ่งมีสินทรัพย์มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์และเฟดกำกับดูแลอยู่นั้น ยังคงมีอัตราส่วนเงินทุนเฉลี่ยสูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำซึ่งอยู่ที่ 4.5% นับว่าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจได้