จับตา'ไบเดน'แก้ปัญหาน้ำมันเรียก'ซีอีโอ 7 บริษัทสหรัฐ'หารือรมว.พลังงาน

จับตา'ไบเดน'แก้ปัญหาน้ำมันเรียก'ซีอีโอ 7 บริษัทสหรัฐ'หารือรมว.พลังงาน

ทำเนียบขาวเรียกซีอีโอ 7 บริษัทน้ำมันสหรัฐพบรัฐมนตรีพลังงาน หาทางออกน้ำมันแพง ซีอีโอเชฟรอนตอบโต้เสียงวิจารณ์จากไบเดนเรื่องต้นทุนพลังงานสูง อ้างการลดราคาพลังงานรัฐบาลจำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทาง

ตามที่ทำเนียบขาวส่งจดหมายเชิญซีอีโอบริษัทน้ำมันและโรงกลั่นเจ็ดแห่ง ประกอบด้วยมาราธอน ปิโตรเลียม, วาเลโร เอนเนอร์จี, เอ็กซอนโมบิล, ฟิลิลิปส์ 66, เชฟรอน, บีพี และเชลล์มาร่วมหารือในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและลดราคาพลังงานลง ซึ่งช่วงหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดนมักกล่าวโทษอุตสาหกรรมพลังงานหลังจากน้ำมันราคาสูงดันให้เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

เมื่อวันอังคาร (21 มิ.ย.) นายไมเคิล เวิร์ธ ซีอีโอเชฟรอนทำหนังสือตอบโต้เสียงวิจารณ์จากประธานาธิบดี 

“เชฟรอนและพนักงาน 37,000 คน ทำงานทุกวันเพื่อช่วยจัดหาพลังงานที่โลกต้องการ และเลี้ยงดูชีวิตผู้คนอีกหลายพันล้านคนที่ต้องพึ่งพาซัพพลายน้ำมัน แม้พยายามมากขนาดนี้ รัฐบาลของคุณดีแต่วิพากษ์วิจารณ์ หลายครั้งดูหมิ่นอุตสาหกรรมของพวกเรา การทำแบบนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ และไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนอเมริกันสมควรได้รับ” ซีอีโอเชฟรอนระบุในจดหมายส่งถึงไบเดน สองชั่วโมงต่อมาผู้นำสหรัฐเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ซีอีโอรายนี้อ่อนไหวเกินไป

“ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเขาน้อยใจง่ายนัก” ผู้นำสหรัฐกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ประธานาธิบดีไบเดนถล่มบริษัทน้ำมันที่มีกำไรเป็นประวัติการณ์ พร้อมเรียกร้องให้เพิ่มการผลิตและขีดความสามารถในการกลั่นเพื่อลดราคาน้ำมัน รวมทั้งกล่าวหาเอ็กซอนโมบิล “ทำเงินมากยิ่งกว่าพระเจ้า” และไม่ขุดเจาะน้ำมันให้มากพอ

นโยบายรัฐบาลต้องชัด

ทั้งนี้ ไบเดนกำลังถูกกดดันอย่างหนักเรื่องราคาน้ำมันและเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นเรื่องใหญ่สุดที่ต้องแก้ไขถ้าอยากจะคุมสภาคองเกรสในการเลือกตั้งเดือน พ.ย.

สำหรับจดหมายตอบโต้จากซีอีโอเชฟรอน เขากล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรมน้ำมันต้องการนโยบายที่ชัดเจนต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่การเช่าและใบอนุญาตใช้ที่ดินของรัฐบาลกลาง ไปจนถึงการได้รับอนุญาตสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และกฎระเบียบที่พิจารณาถึงต้นทุนและผลประโยชน์

“เราจำเป็นต้องคุยกันอย่างจริงใจ เรื่องหนึ่งคือยอมรับว่าอุตสาหกรรมของเราเป็นภาคส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจ และสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติ”

ปัจจุบันโรงกลั่นพยายามตอบสนองความต้องการน้ำมันเบนซินและดีเซลของโลก ที่ทำให้ราคาสูงขึ้น และขาดแคลนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภครายใหญ่อย่างสหรัฐและบราซิล ไปจนถึงประเทศเล็กกว่าอย่างยูเครนและศรีลังกา

ราคาน้ำมันหน้าปั๊มสหรัฐอยู่ที่แกลลอนละเกือบ 5 ดอลลาร์ เนื่องจากความต้องการของผู้ใช้รถเพิ่มในเวลาเดียวกับความสามารถในการกลั่นหายไปราววันละ 1 ล้านบาร์เรล ในช่วงสามปีที่ผ่านมาโรงกลั่นปิดตัวลงหลายโรงตอนที่ความต้องการพลังงานลดลงช่วงโควิด-19 ระบาดหนักๆ

  นายเวิร์ธเคยกล่าวเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าสหรัฐสร้างโรงกลั่นครั้งสุดท้ายในทศวรรษ 70 อีกทั้งการส่งออกที่ลดลงจากรัสเซียและจีนมีส่วนทำให้ซัพพลายโลกตึงตัวด้วย

“ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าจะมีการสร้างโรงกลั่นใหม่ในประเทศนี้ โลกกำลังตึงตัวในช่วงเวลาที่ความต้องการน้ำมันกำลังเติบโต”

ส่ง รมว.พลังงานพบซีอีโอ

ส่วนการพบกับซีอีโอบริษัทน้ำมันเจ็ดแห่งในวันพฤหัสบดี นางสาวคาริน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวเผยว่า นางสาวเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเป็นผู้ไปพบ

“เป้าหมายของเราคือมั่นใจได้ว่าการนั่งลงหารือกันจะได้ทางออก เราจึงคุยกับซีอีโอและหาทางอื่นๆ ที่เราสามารถทำได้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ” โฆษกทำเนียบขาวระบุพร้อมย้ำประธานาธิบดีไบเดนไม่มีแผนมาร่วมวงคุยด้วย ส่วนนายเวิร์ธกล่าวว่าเขารอคอยจะพบกับรัฐมนตรีพลังงาน

นอกเหนือจากหารือกับผู้บริหารบริษัทน้ำมัน ประธานาธิบดีไบเดนยังพิจารณาขอระงับภาษีน้ำมันรัฐบาลกลางเพื่อดึงราคาให้ต่ำลง

เสนอระงับเก็บภาษี 3 เดือน

แหล่งข่าวหลายรายในพรรคเดโมแครตเผยว่า ไบเดนจะขอสภาคองเกรสให้ระงับเก็บภาษีน้ำมันรัฐบาลกลาง 18 เซนต์ต่อแกลลอน และขอให้แต่ละรัฐระงับเก็บภาษีของแต่ละรัฐด้วย สะท้อนถึงแรงกดดันทางการเมืองอันเข้มข้นให้ทำเนียบขาวแก้ปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลรายหนึ่งเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทำเนียบขาวต้องการลดภาษีน้ำมัน 18 เซนต์ต่อแกลลอนเป็นเวลาสามเดือนไปจนถึงเดือน ก.ย. ปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่เกือบ 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (3.78 ลิตร) เพิ่มขึ้นเกือบ 2 ดอลลาร์ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียเริ่มเสริมกำลังบริเวณชายแดนยูเครน

“ประธานาธิบดียอมรับว่าราคาน้ำมันสูงจะสร้างความเสียหายต่อครอบครัวผู้ใช้แรงงานได้มาก” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวและว่า การระงับเก็บภาษีอย่างเดียวไม่สามารถชดชายค่าใช้จ่ายครัวเรือนที่พุ่งเร็วสุดในชั่วอายุคนได้

ปัจจุบันหลายรัฐ เช่น นิวยอร์ก คอนเนตทิคัต ระงับเก็บภาษีน้ำมันไปแล้ว ขณะที่รัฐอื่นๆ ชะลอแผนขึ้นภาษี แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราว 46 รัฐ ยังไม่ทำอะไรเช่น แคลิฟอร์เนีย ที่เก็บภาษีมากที่สุดและแพงที่สุดกว่า 6 ดอลลาร์ต่อแกลลอน

ทั้งนี้ รัฐบาลกลางนำภาษีน้ำมันและก๊าซเข้ากองทุนทรัสต์ทางหลวง ซึ่งดูแลถนนและสนับสนุนการขนส่งสาธารณะ แต่ไบเดนจะเรียกร้องต่อสภาคองเกรสให้รับรองว่าจะหาเงินจากแหล่งอื่นมาอุดช่องว่างกองทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ไบเดนจะเรียกร้องให้บริษัทค้าปลีกน้ำมันลดภาษีหน้าปั๊มทันที ผลักดันโรงกลั่นขยายขีดความสามารถในการกลั่น ด้วยหวังว่ามาตรการเหล่านี้รวมกันจะช่วยลดราคาน้ำมันได้มากถึงหนึ่งดอลลาร์ต่อแกลลอน หลังจากก่อนหน้านี้ไบเดนได้ดำเนินมาตรการไปหลายอย่าง เช่น ปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์วันละ 1 ล้านบาร์เรล เจรจากับพันธมิตรนานาชาติปล่อยเพิ่มอีก 60 ล้านบาร์เรล และเพิ่มการเข้าถึงไบโอดีเซล

ที่ต้องเร่งมาตรการทุกอย่างเพราะเงินเฟ้อรายปีของสหรัฐพุ่งถึง 8.6% ในเดือน พ.ค. สูงสุดในรอบ 40 ปี เฉพาะพลังงานอย่างเดียวสูงถึง 64.6%

วานนี้น้ำมันดิ่ง 5%

ด้านราคาน้ำมันวานนี้ (22 มิ.ย.) ดิ่งลงกว่า 5% ผู้ค้ากังวลมากขึ้นว่าความต้องการจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยจากการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ช่วงบ่ายวานนี้ราคาน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอลดลง 5.6% มาอยู่ที่ 103.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 5.2% มาอยู่ที่ 108.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าให้ข้อมูลสภาคองเกรสเป็นเวลาสองวัน เพื่อจับสัญญาณการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟด

อย่างไรก็ตาม โกลด์แมนแซคส์ยังมองว่า ราคาน้ำมันจะกลับมาขึ้นต่อไปอีก เนื่องจากอุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน ตลาดยังคงตึงตัวขณะนี้เศรษฐกิจเติบโตช้า