ราคาน้ำมันดิบร่วง 3.33 ดอลล์จับตา'ไบเดน'เสนอระงับเก็บภาษีน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบร่วง 3.33 ดอลล์จับตา'ไบเดน'เสนอระงับเก็บภาษีน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันพุธ(22มิ.ย.)ทรุดตัวลง 3.33 ดอลลาร์ หลังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เตรียมเสนอให้มีการระงับการจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันแพงในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 3.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือ  ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งสองสัญญาแตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.

ปธน.ไบเดนเตรียมเรียกร้องสภาคองเกรสให้การอนุมัติต่อการระงับการจัดเก็บภาษีรัฐบาลกลางสำหรับน้ำมันเบนซินเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันภาษีดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 18.4 เซนต์/แกลลอน โดยมีเป้าหมายที่จะลดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในขณะนี้

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนจะเรียกร้องให้รัฐต่างๆในสหรัฐระงับการจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเช่นกันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อชาวอเมริกัน

ด้านนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐ เตรียมเจรจากับบริษัทโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงในสหรัฐ

กำหนดการเจรจาดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ไบเดนได้ตำหนิบริษัทโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐที่มีกำไรมหาศาลจากการกลั่นน้ำมัน ขณะที่ชาวอเมริกันประสบความยากลำบากจากปัญหาราคาน้ำมันแพง

"กำไรจากการกลั่นน้ำมันพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่บริษัทกลับผลักภาระให้แก่ครอบครัวชาวอเมริกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ กำไรจากการกลั่นน้ำมันเบนซินและดีเซลพุ่งขึ้นถึง 3 เท่า และขณะนี้กำลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์"

"บริษัทต่างๆจะต้องดำเนินการโดยทันทีเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันเบนซิน ดีเซล และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นประเภทอื่นๆ โดยร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในครั้งนี้" ปธน.ไบเดนระบุในจดหมายที่ส่งถึงบริษัทน้ำมันหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน

ปธน.ไบเดนออกมาเรียกร้องดังกล่าว หลังจากที่ราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุ 5 ดอลลาร์/แกลลอน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังระบุว่า รัฐบาลเตรียมใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมันและความสามารถในการกลั่นน้ำมันของสหรัฐ

ทั้งนี้ สมรรถนะในการกลั่นน้ำมันในสหรัฐได้ลดลงนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นสาเหตุของการพุ่งขึ้นของราคาเชื้อเพลิงในประเทศ ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่มีการเปิดเศรษฐกิจ และประชาชนกลับมาเดินทางอีกครั้ง