สหรัฐเลิกแนะนำสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝีดาษลิง ชี้แพร่เชื้อจากการสัมผัส

สหรัฐเลิกแนะนำสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝีดาษลิง ชี้แพร่เชื้อจากการสัมผัส

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐได้ตัดสินใจถอดคำแนะนำเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยออกจากหนังสือเตือนเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงระหว่างการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงซึ่งได้รับการวินิจฉัยในเบื้องต้นว่าแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสโดยตรง

"ซีดีซีตัดสินใจถอดคำแนะนำเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยออกจากหนังสือ Monkeypox Travel Health Notice แล้ว เพราะอาจจะสร้างความสับสน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ซีดีซีแนะนำนักเดินทางว่า การสวมหน้ากากอนามัยสามารถป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งรวมถึงโรคฝีดาษลิง" ซีดีซี ระบุ

เว็บไซต์ของซีดีซี ระบุว่า โรคฝีดาษลิงนั้นนอกจากจะแพร่ระบาดผ่านการสัมผัสโดยตรงกับแผลติดเชื้อ สะเก็ดแผล หรือของเหลวจากร่างกายแล้ว โรคนี้ยังสามารถแพร่ระบาดผ่านสารคัดหลั่งทางเดินหายใจในระหว่างที่มีการสัมผัสกันเป็นเวลานาน

เมื่อวันอังคาร (7 มิ.ย.) ซีดีซี ประกาศยกระดับเตือนภัยการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงสู่ระดับ 2 หลังพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นมากกว่า 1,000 ราย โดยเตือนให้นักเดินทางเพิ่มความระมัดระวังเพื่อสกัดการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากากอนามัย

หากในอนาคตซีดีซียกระดับเตือนภัยสู่ระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ซีดีซี็จะแจ้งเตือนให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง

ซีดีซี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 1,019 รายใน 29 ประเทศทั่วโลก โดยอังกฤษมีผู้ติดเชื้อสูงสุดจำนวน 302 ราย ตามมาด้วยสเปน 198 ราย ส่วนโปรตุเกสมี 153 ราย และแคนาดามี 80 ราย ขณะที่สหรัฐมี 30 ราย