ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสดีดตัว 98 เซนต์เหตุกังวลน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสดีดตัว 98 เซนต์เหตุกังวลน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันศุกร์(27พ.ค.)ปรับตัวขึ้น 98 เซนต์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว ขณะที่สหรัฐใกล้เข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งจะมีการเดินทางท่องเที่ยว ส่งผลให้มีการใช้น้ำมันมากขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก 98 เซนต์ หรือ 0.9%  ปิดที่ราคา 115.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ บวก 2.03 ดอลลาร์ หรือ 1.7%  ปิดที่ราคา 119.43 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ ฤดูการเดินทางท่องเที่ยวของสหรัฐจะเริ่มต้นจากวันหยุดยาวเนื่องในวัน Memorial Day ในสิ้นเดือนนี้จนถึงวันหยุดเนื่องในวันแรงงานสหรัฐในเดือนก.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป (อียู) ในวันที่ 30-31 พ.ค.เพื่อพิจารณามาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป เชื่อมั่นว่าสมาชิกอียูจะสามารถบรรลุข้อตกลงก่อนการประชุมดังกล่าว

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมสัปดาห์หน้า

แหล่งข่าวระบุว่าโอเปกพลัสจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมวันที่ 2 มิ.ย. โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 432,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนก.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ สหรัฐและหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตให้มากกว่าในระดับปัจจุบันเพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นนับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.

อย่างไรก็ดี โอเปกพลัสยืนยันว่าตลาดน้ำมันมีความสมดุล และราคาที่พุ่งขึ้นในขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานในตลาด

ด้านแบงก์ ออฟ อเมริกา ออกรายงานระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจพุ่งทะลุ 150 ดอลลาร์/บาร์เรล หากการส่งออกน้ำมันจากรัสเซียลดลงอย่างมาก

"ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์กำลังใกล้เป้าหมายของเราที่ระดับ 120 ดอลลาร์ เราเชื่อว่าการดิ่งลงของการส่งออกน้ำมันจากรัสเซียจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งทะลุ 150 ดอลลาร์" รายงานระบุ

นอกจากนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกายังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะมีราคาเฉลี่ยที่ระดับ 104.48 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ และ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นนับตั้งแต่ที่รัสเซียใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.